ประวัติ ลูคัส โพดอลสกี้

| 01/01/1970 07:00 น. | 477 Views

     ลูคัส โพดอลสกี้ ศูนย์หน้าทีมชาติเยอรมันของ อาร์เซน่อล ออกมาเผยว่า ตัวเขากำลังคิดหาทางย้ายออกจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หลังไม่มีความสุขจากการถูกแช่แข็งกับทีม จนไม่มีโอกาสได้ลงสนามมากนักในทุกรายการ

     "ตามนี้แหละ ผมไม่มีความสุขยามที่ไม่ได้ลงสนาม ผมต้องการได้ลงเล่น และสนุกกับการเล่นฟุตบอล เราต้องมาคอยดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงหน้าหนาวนี้"

     "ผมได้หารือเรื่องนี้กับสโมสร แต่ก็ไม่ได้มีอะไรต้องเครียดนัก"

     โพดอลสกี้ วัย 29 ปี ต้องเจอซีซั่นที่โหดร้ายในการเล่นให้กับ อาร์เซน่อล หลังจากคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติเยอรมันมา ฤดูกาลนี้ เขาได้ลงช่วยทีมปืนใหญ่ไปแค่ 8 เกม ยิงไป 1 ประตูเท่านั้น

 

ลูคัส โพดอลสกี้

   เจ้าของรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำศึกฟุตบอลโลก 2006 พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือหนึ่งในกองหน้าที่เฉียบขาดที่สุดของเยอรมันในยุคนี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับโอกาสจากบาเยิร์น มิวนิค ต้นสังกัดเท่าที่ควรก็ตาม

   ลูคัส โพอลสกี้ เป็นนักเตะที่เกิดในโปแลนด์เช่นเดียวกับ มิโรสลาฟ โคลเซ่ หัวหอกเพื่อนร่วมทีม แต่ได้ย้ายมาอยู่เยอรมันกับครอบครัวตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ ที่เมืองโคโลญจน์

   โพลดี้ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 6 ขวบในทีมเยาวชนของเอฟซี เบิร์กไฮม์ ก่อนจะย้ายมาร่วมโคโลญจน์ เมื่อปี 1995 ในฐานะนักเตะฝึกหัด ซึ่งพรสวรรค์ของเขาได้ฉายแววออกมาอย่างโดดเด่น จนทำให้เหล่าสตาฟฟ์โค้ชของทีม "แพะบ้า" ตัดสินใจเรียกขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2003

    ฤดูกาลแรกกับ โคโญจน์ นั้น โพดอลสกี้ ทำได้ถึง 10 ประตูจากการลงสนาม 19 นัดแรกในทีมชุดใหญ่ และแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้ต้นสังกัดรอดพ้นจากการตกชั้นได้ แต่ก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะวัย 18 ปี ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบุนเดสลีก้า

    จากฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงดังกล่าวทำให้ โพดอลสกี้ ถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมันในศึกยูโร 2004 และได้รับความสนใจจากหลายสโมสรชื่อดังจำนวนมาก แต่เขาก็ยังปักหลักอยู่ช่วยทีม "แพะบ้า" ต่อไป ก่อนจะช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในลีกสูงสุดของเมืองเบียร์ได้อีกครั้ง พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวซัลโว ลีก้า 2 ไปด้วยจำนวน 24 ประตู

     อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ โคโลญจน์ ตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 2006 หัวหอกเลือดโปล์ ก็ได้ตัดสินใจอำลาทีม และย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จากแคว้นบาวาเรีย ด้วยค่าตัวราว 10 ล้านยูโร (ประมาณ 500 ล้านบาท) โดยเขาลงสนามในบุนเดสลีก้าเกมแรกให้กับ "เสือใต้" เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2006 ในเกมที่ชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-0 ก่อนจะยิงประตูแรกได้ในลีก เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ในปีเดียวกัน และช่วยให้ทีมชนะแฮร์ธ่า เบอร์ลิน 4-2

     อย่างไรก็ตาม โพลดี้ โชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้าขวา หลังจากที่ชนกับ มาร์ค ฟาน บอมเมล เพื่อนร่วมทีมระหว่างการฝึกซ้อมเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2006 และต้องพักนานกว่า 3 เดือน ก่อนจะหายเจ็บกลับมา และทำประตูได้อีกครั้งในเกมที่พบกับ อเลมาเนีย อาเค่น

      สถานการณ์ในถิ่นอลิอันซ์ อารีน่า ของ โพลดี้ ยังไม่ดีขึ้นในฤดูกาล 2007-08 เนื่องจาก บาเยิร์น ได้สองกองหน้าใหม่มาร่วมทีม นั่นคือ โคลเซ่ และ ลูก้า โทนี่ หัวหอกแชมป์โลกที่ย้ายมาจากฟิออเรนติน่า และทั้งสองคนก็ประสานงานกันได้เป็นอย่างดีโดยมี ฟรองค์ ริเบรี่ เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศส เป็นตัวปั้นเกม และนั่นก็ทำให้ โพดอลสกี้ ต้องหลุดไปเป็นตัวสำรองโดยปริยาย

      แม้จะไม่ค่อยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมากนักในซีซั่นที่ผ่านมา และทำได้แค่ 5 ประตูจากการลงสนาม 24 นัดในลีก แต่ โพลดี้ ก็ยังเป็น 1 ใน 23 นักเตะที่ โยอาคิม เลิฟ กุนซือทีมชาติเยอรมัน เลือกไปสู้ศึกยูโร 2008 อยู่ดี

podolski

      ทั้งนี้ โพดอลสกี้ ติดทีม "อินทรีเหล็ก" ครั้งแรกหลังจากที่ฉลองวันเกิดครบ 19 ปีได้เพียง 2 วัน โดยเขาถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับ โปรตุเกส ในขณะที่ ประตูแรกกับทีมชาติเยอรมันของเขา เกิดขึ้นในเกมนัดกระชับมิตรที่บุกมาถล่มทีมชาติไทย 5-1ในวันที่ 21 ธ.ค. 2004 โดยเขาเหมาคนเดียว 2 ประตู

      การแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในนามทีมชาติของ โพดอลสกี้ เกิดขึ้นในศึกเวิลด์ คัพ 2006 เมื่อเขาทำจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการทำ 3 ประตู และคว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวร่วมของทัวร์นาเมนต์ต่อจาก โคลเซ่ เพื่อนร่วมทีม ที่กดไป 5 ประตู และผลงานที่น่าประทับใจดังกล่าวก็ทำให้ โพลดี้ ได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม

     การทำประตูในนามทีมชาติของหัวหอกวัย 23 ปี ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และในศึกยูโร 2008 รอบคัดเลือก เขาก็กดคนเดียวถึง 4 ประตูในเกมที่ถล่มสมันน้อยอย่าง ซาน มาริโน่ 13-0

     ในรอบสุดท้ายของศึกยูโร 2008 ไม่มีใครคิดว่า “โพลดี้” ซึ่งเข้าๆ ออกๆ จาก 11 คนแรกใน บาเยิร์น มิวนิค จะกลายเป็นคีย์แมนที่อินทรีเหล็กขาดไม่ได้ ทว่าเขาอาจเกิดมาเพื่อรายการใหญ่โดยเฉพาะ ซึ่งในฟุตบอลโลก 2006 ก็ฉายแววเด่นจนซิวรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม มาครั้งนี้ก็จัดการกดไป 3 เม็ดในรอบแรก ก่อนถวายพานให้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เบิกร่องในเกมบี้ โปรตุเกส แบบเร้าใจ 3-2 ลิ่วรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ความเร็ว, ความทุ่มเท, การหาจังหวะทำประตู และการสับไกอันคมกริบของเขาถือเป็นทีเด็ดที่ เยอรมนี จำเป็นต้องพึ่งพาในการเบิกทางสู่ตำแหน่งแชมป์

     ในฤดูกาล2008/09 โพดอลสกีได้ลงสนามให้กับทีมเสือใต้ทั้งหมดทุกรายการ 31 นัดเท่านั้น ซึ่งดีกรีนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมอย่างเขาไม่สามารถทนต่อสภาพตัวสำรองที่เป็นอยู่ได้ จนในที่สุดเขาก็ได้ย้ายกลับไปยังทีม "แพะบ้า" โคโลญจ์ ทีมที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นทีมแรกอีกครั้ง

ADS