ประวัติ คาร์ลอส เตเวซ

| 01/01/1970 07:00 น. | 1070 Views

แต่คงเสร็จเมสซี! คาเปลโลเชื่อเตเบซน่าได้ลุ้นบัลลงดอร์ปีนี้

     คาร์ลอส เตเบซ กองหน้ายูเวนตุส ตกเป็นข่าวว่าตกลงเรื่องการย้ายทีมกลับไปเล่นให้โบคา จูเนียร์ส สโมสรเก่าที่เขาแจ้งเกิดเรียบร้อยแล้ว จากรายงานของ ARGNoticias.com

     ดาวยิงวัย 31 ปี ถือเป็นกำลังสำคัญของเบียงโคเนรี ที่พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ในประเทศ รวมถึงเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดุกาลที่ผ่านมา ตกเป็นข่าวอย่างหนักว่ามีโอกาสสูงที่จะย้ายออกจากสโมสรเพื่อหาความท้าทายใหม่ในช่วงหน้าร้อนนี้ 

     ล่าสุด สื่อดังในประเทศอาร์เจนตินายืนยันว่าเจ้าตัวตกลงที่จะกลับไปเล่นกับทีมเก่าอย่างโบคา จูเนียร์ส เรียบร้อยแล้ว ด้วยสัญญาสองปี โดยจะย้ายไปร่วมทัพหลังจบรายการโคปา อเมริกา เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกในดิวิชันหนึ่งอาร์เจนตินารวมถึงในฟุตบอลถ้วยต่อไป


คาร์ลอส เตเวซ

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ : คาร์ลอส อัลแบร์โต้ เตเวซ
วันเกิด : 5 กุมภาพันธ์ 1984
เกิดที่ : ซิอูดาเดลา ,บูเอโนส ไอเรส ,อาร์เจนติน่า
ตำแหน่ง : กองหน้า
ส่วนสูง : 170 ซม.
สโมสรปัจจุบัน : ยูเวนตุส
หมายเลขเสื้อ : 10

อีกหนึ่ง "นิว มาราโดน่า" ของชาวอาร์เจนติน่า ที่แม้ปัจจุบันจะมีลิโอนล เมสซี่ มาร่วมแย่งสมญานี้ แต่เขากลับแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นตัวตายตัวแทนของใคร เพราะนี่แหละคือ "คาร์ลอส เตเบซ" คนแรกที่โลกต้องจารึกชื่อไว้

คาร์ลอส เตเบซ หรือคาร์ลอส อัลแบร์โต้ มาร์ติเนซ ซึ่งเป็นชื้อดั้งเดิม เกิดและเติบโตในย่านชุมชนแออัดที่เรียกว่า เอเฮร์ซิโต้ เด ลอส อันเดส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ฟูเอร์เต้ อปาเช่" อันเป็นที่มาของชื่อฉายาของเขาที่เคยมีคนเรียกกันว่า "อปาเช่"

หลังจากเกิดได้ไม่นานพ่อแม่ของเจ้าหนูคาร์ลอส ก็ได้เปลี่ยนนามสกุลมาใช้ของแม่แทน ทำให้กลายเป็น "คาร์ลอส เตเบซ" อย่างที่ใช้กันในปัจจุบัน

วีรกรรมในช่วงเด็กๆ ของเจ้าหนูคาร์ลอสยังไม่หมด เพราะเมื่ออายุ 10 เดือน เจ้าหนูคาร์ลอสคลานต้วมเตี้ยมซนอยู่ในครัวและไปเล่นซนจนโดนน้ำร้อนลวกใส่ที่คอและหูด้านขวาจนต้องรักษากันนาน 2 เดือน ทำให้เป็นรอยแผลเป็นที่น่ากลัวติดมาจนทุกวันนี้

สำหรับแผลนี้เตเบซ ไม่เคยคิดที่จะทำศัลยกรรมตกแต่งใหม่โดยเคยปฏิเสธความหวังดีของสโมสรโบคา จูเนียร์ส ที่จะช่วยออกค่าใช้จ่ายในการทำศัลยกรรมให้ โดยบอกว่าแผลเป็นนี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเขาเมื่อในอดีตและตัวเขาในปัจจุบัน

ชีวิตในวัยเด็กของเตเบซ เริ่มต้นการฝึกวิชาลูกหนังที่สโมสรเล็กๆที่ชื่ออล บอยส์ อยู่ในช่วงปี 1992-1996 ก่อนที่จะไปอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างโบคา จูเนียร์สเมื่ออายุได้ 13 ปี

ภายหลังจากการบ่มฝีเท้าในรังบอมโบเนร่าอยู่ 4 ปี เตเวซก็ได้ลงสนามเป็นครั้งแรกในระดับอาชีพเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2001 โดยเป็นเกมที่พบกับตาเญเรส เด กอร์โดบา ก่อนจะก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของชาวโบคาในเวลาอันรวดเร็ว

ความโดดเด่นของเตเวซ นั้นอยู่ที่ทักษะการเล่นอันเหนือชั้นระดับฟ้าประทานที่ทำให้ได้รับสมญาว่าเป็น "นิว มาราโดน่า" อีกคนของวงการฟุตบอลอาร์เจนไตน์ แต่จุดเด่นที่เหนือกว่าก็คือเรื่องของสภาพร่างกายที่แม้จะไม่สูงใหญ่แต่ก็มีความหนาตัน และหัวจิตหัวใจที่ห้าวหาญมาทดแทน

ในสีเสื้อของโบคา จูเนียร์ส เตเวซช่วยนำความสำเร็จมากมายมาสู่ทีมไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลลีกอาร์เจนไตน์ (2003) ,โคปา ลิเบอตาดอเรส คัพ (2003) ,อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ หรือฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (2003) และโคปา ซูดาเมริกาน่า (2004)

แต่รายการที่แจ้งเกิดให้กับเตเบซมากที่สุดในเวทีโลกคือในการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิก 2004 ที่ประเทศกรีซ ซึ่งเขาและพลพรรคฟ้าขาวตะลุยไปจนถึงเส้นชัยคว้าแชมป์ได้สำเร็จ โดยที่เตเวซเองนั้นสร้างผลงานระบือลั่นด้วยการยิงไปถึง 8 ประตูจาก 6 นัดเท่านั้นที่ลงสนาม

และที่จริงเขายังได้รับรางวัลอื่นๆอีกด้วยในช่วงแรกของชีวิต โดยได้รางวัลนักฟุตบอลละตินอเมริกาที่น่าจับตามองที่สุดจากสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์สปอร์ตละตินอเมริกา และได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีรวมถึงรางวัลสปอร์ตแมนแห่งปี 2004 จากสมาคมนักเขียนอาร์เจนติน่า

หลังจบศึกฟุตบอลโอลิมปิก ชื่อของเตเวซก็กลายเป็นชื่อที่หอมหวลที่สุดและมีข่าวว่าสโมสรยักษ์ใหญ่จากยุโรปต่างรุมแย่งตัวซูเปอร์สตาร์ดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการฟุตบอลอาร์เจนไตน์รายนี้กันชนิดฝุ่นตลบ

แต่เตเบซ กลับสร้างความประหลาดใจให้กับทุกฝ่ายด้วยการเลือกย้ายไปเล่นให้กับโครินเธียนส์ สโมสรยักษ์หลับของบราซิลที่เพิ่งจะได้นายทุนหน้าใหม่ที่ชื่อ MSI ซึ่งมีเคีย ชูรับเชียน ที่ต่อมากลายเป็นนายหน้าส่วนตัวไปด้วยเนื่องจากถือสิทธิ์ในตัวของเตเบซ โดยการยายทีมครั้งนี้ด้วยค่าตัว 20 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการย้ายทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลละตินเลยทีเดียว

สำหรับการย้ายทีมครั้งนี้ เตเบซ ให้เหตุผลว่าต้องการที่จะได้ที่พักพิงสงบๆเท่านั้นหลังจากที่โดนสื่อมวลชนในอาร์เจนติน่า เล่นงานไม่เว้นแต่ละวันโดยเฉพาะประเด็นชีวิตส่วนตัวซึ่งกระทบกระเทือนถึงครอบครัว และยังไม่ไว้ใจในเรื่องความปลอดภัยในบ้านเกิดด้วย จึงทำให้ตัดสินใจย้ายทีมในที่สุด ขณะที่สื่อมวลลชนก็ต่างสงสัยและคลางแคลงใจในการตัดสินใจครั้งนี้อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าชีวิตของเตเบซในสีเสื้อของโครินเธียนส์จะสวยงามไปหมด เพราะด้วยความที่เป็นคนอาร์เจนติน่า ที่ถือเป็นศัตรูโดยตรงของคนบราซิลอยู่แล้ว ทำให้ช่วงแรกในแดนแซมบ้าของเขานั้นต้องเผชิญกับโลกใบใหม่ที่โหดร้ายไม่เบา

แต่สุดท้ายหลังจากที่ฝ่าฟันอุปสรรคได้สำเร็จ เตเบซ ก็กลายเป็นกัปตันทีมโครินเธียนส์ และเป็นดาวเด่นของทีมในการช่วยให้หนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดของบราซิลคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในปี 2005

ปีนั้นคือปีทองของเขาอย่างแท้จริงเพราะยังได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำรายการ ซึ่งถือเป็นผู้เล่นคนแรกที่ไม่ใช่คนบราซิลที่ได้รางวัลนี้นับตั้งแต่ปี 1976 และยังได้รางวัลขวัญใจแฟนบอลอีกด้วย

ทว่าช่วงเวลาที่สวยงามของเขาก็ค่อยๆหมดลงอย่างรวดเร็ว ผลงานที่ตกต่ำของโครินเธียนส์ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับเอเมอร์สัน เลเอา โค้ชจอมเฮี้ยบชาวบราซิลที่ยึดปลอกแขนกัปตันทีมไปพร้อมแสดงท่าทีรังเกียจสุดชีวิต ทำให้เตเบซ ซึ่งจบศึกฟุตบอลโลกด้วยความชีช้ำเพราะต้องกระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายทั้งที่เป็นถึงทีมเต็งระดับต้นๆ ประกาศไม่ขอลงเล่นให้โครินเธียนส์อีกทันที

ก่อนที่เขาและฮาเวียร์ มาสเคราโน่เพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในทีมโครินเธียนส์ด้วยกัน จะสร้างเซอร์ไพรซ์อีกครั้งด้วยการย้ายมาอยู่กับทีมระดับกลางๆอย่างเวสต์แฮมในวันสุดท้ายของตลาดการซื้อขายนักเตะ จนเป็นที่น่าสงสัยของหลายฝ่ายว่าเหตุใดนักฟุตบอลที่จัดว่าเป็นตัวท็อปของโลกจึงเลือกมาอยู่ที่นี่

เหตุผลคือเรื่องของการที่เคีย ชูรับเชียน อดีตประธาน MSI ซึ่งยังเป็นเจ้าของสิทธิ์ในตัวเตเบซและมาสเคราโน่อยู่ต้องการจะเทคโอเวอร์ทีมเวสต์แฮมจึงได้นำสองคนนี้ที่ไม่มีความสุขพอดีในบราซิลมามอบให้เป็นของมัดจำไว้ก่อน แต่สุดท้ายการเทคโอเวอร์ก็ไม่เกิดขึ้น และการย้ายทีมครั้งนี้ก็กลายเป็นการย้ายทีมอื้อฉาวที่สุดครั้งหนึ่งจนมีการสั่งลงโทษเวสต์แฮมอย่างรุนแรง ซึ่งขณะนี้คดีก็ยังไม่จบเพราะมีสโมสรที่ไม่พอใจกับบทลงโทษแค่การปรับเงิน ไม่ใช่การตัดแต้ม

สำหรับผลงานในสนามของเตเบซกับเวสต์แฮมนั้น เขาเริ่มต้นได้ไม่ดีนักเนื่องจากสภาพร่างกายไม่ฟิตและยังมีปัญหากับการปรับตัวให้เข้ากับเกมฟุตบอลอังกฤษ ทั้งอลัน พาร์ดิว ผู้จัดการทีมคนแรกในช่วงต้นฤดูกาล และอลัน เคอร์บิชลี่ย์ คนที่เข้ามาแทนที่ก็ไม่ไว้ใจนัก ทำให้แทบไม่มีโอกาสได้ลงสนามเท่าไหร่

แต่ในช่วงท้ายฤดูกาล เตเบซ ก็พิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้งด้วยการกลับมาเป็นความหวังสูงสุดของทีมในการช่วยให้แฮมเมอร์ส รอดพ้นจากการตกชั้นได้ในบั้นปลายของฤดูกาล และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของนิตยสารทางการของสโมสรเวสต์แฮม

ฟอร์มร้อนแรงของเตเบซในช่วงปลายฤดูกาลทำให้ชื่อของเขากลับมาเป็นที่ต้องการของทีมชั้นนำของยุโรปอีกครั้ง ซึ่งล่าสุดก็มีหลายทีมที่แสดงท่าทีสนใจไม่ว่าจะเป็นเชลซี ,อาร์เซนอล ,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ,ลิเวอร์พูล ,เรอัล มาดริด ,บาร์เซโลน่า และอินเตอร์ มิลาน ทีมล่าสุดที่มีการฟันธงกันว่าน่าจะเป็นทีมทีได้ตัว "การ์ลิตอส" คนนี้ไปร่วมทีม

และท้ายที่สุด ก็เป็นทีมผีแดง ที่ฉวยโอกาส ยืมตัวเขามาร่วมทีมได้ ซึ่งฟอร์มกับทีมเก่าของเขา เวสท์แฮม ที่ร้อนแรงช่วยทีมซัดจนกระทั่งพาทีมขุนค้อนรอดการตกชั้น กลับโดนทีมเชพ ยูไนเต็ด ฟ้องร้องเรื่องการได้ตัวมาอย่างผิดกฎของเตเบซ ซึ่งทีมดาบคู่นั้นเชื่อว่า หากไม่มีเตเบซ ผ่านนี้ทีมของเขาคงไม่ตกชั้น สูญเงินมหาศาลที่จะทำกำไรในลีกสูงสุดไปเลย

เตเบซ เป็นนักเตะแบบอย่างคนหนึ่งในวงการฟุตบอลอเมริกาใต้ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ โบคา จูเนียร์ส ทีมบ้านเกิดของเขา นอกจากนั้นเขาก็สามารถเอาชนะใจแฟนบราซิลได้มากมาย หลังจากการเป็นกัปตันทีม โครินเธียนส์ และพาทีมคว้าแชมป์ ทั้งยังกลายเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกที่คว้าแชมป์ลีก ในบราซิลในรอบ 20 ปี

เขาเริ่มเข้ามาค้าแข้งในพรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 2006/07 กับเวสต์ แฮม หลังจากเริ่มเกมกับเวสต์ แฮม อย่างช้าๆ โดยลงเล่น 19 นัดแต่ยังทำประตูให้ทีมไม่ได้ เตเบซ ก็สามารถนำประตูได้ในนัดที่ 20 ที่ลงสนามในนัดที่ทีมพ่ายต่อสเปอร์ส 4 - 3 หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำประตูให้ทีมได้ โดยลงเล่นอีก 10 นัด ทำประตูได้ 7 ประตู และมีส่วนช่วยให้ทีมรอดพ้นการตกชั้นไปได้

ประตูที่น่าจดจำที่สุดของเขาในการเล่นให้กับเวสต์ แฮม มาในวันสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อเขาสามารถทำประตูได้ในนัดที่พบกับแมนฯ ยูไนเต็ดใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเตเบซ โชว์ฟอร์มหนีการสกัดของเวส บราวน์ และยิงบอลผ่านมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม

ฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจของเขาไม่เพียงแต่จำกัดอยู่ในฟุตบอลระดับสโมสรเท่านั้น แต่เขายังเล่นได้ดีในระดับทีมชาติ ในการเล่นให้กับอาร์เจนติน่า และช่วยทีมคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกปี 2004 ด้วยการทำประตูให้ทีมในทัวนาเมนต์นี้ 8 ประตู และตอนนี้เขาก็มีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ของอาร์เจนติน่าด้วย เขาได้ร่วมเล่นในฟุตบอลโลก 2006 ในนัดที่พบกับ เซอร์เบีย และมอนเตเนโกร และหลังจากนั้นก็ได้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในนัดที่พบกับฮอลแลนด์

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เชื่อว่าเตเบซ และเวน์ย รูนี่ย์ จะสามารถร่วมเล่นด้วยกันได้ดีให้กับทีมปีศาจแดง

"เตเบซ และเวย์น สามารถร่วมเล่นในทีมเดียวกันได้ เตเบซ ได้แสดงให้ว่าเขาสามารถสร้างปัญหาให้กับทีมคู่แข่งได้"

หลังจากการมาของ เบอร์บาตอฟ วันที่ 1 กันยายน 2008 เตเบซ กลายเป็นตัวเลือกที่สาม รองลงมาจากเบิบ และรูนีย์ เขานั่งสำรองบ่อยครั้ง แต่ก็ทำประตูได้ดีถ้ามีโอกาสลง

ชีวิตของเขาไม่มีความสุขนัก เพราะแมนยู ยังไม่ได้ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมอย่างถาวร อีกทั้งเขาก็อยากจะลงเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ แต่ดูเหมือนจะไม่มีอาการเห้นอกเห็นใจจากทีมผีแดงเลย และท้ายที่สุดนั้น......

ย้ายแล้ว!!!! คาร์ลอส เตเบซ หลังจากพยายามอ้อนวอนผีแดงอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจรับข้อเสนอของทีมเรือใบ แมนเชสเตอร์ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองของแมนยู เป็นที่เรียบร้อย ในราคา 25 ล้านปอนด์ โดยเจ้าตัวจะสวมเสื้อเบอร์ 32 เบอร์เดิมที่ใช้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร รับค่าเหนื่อย 150,000 ปอนด์ต่อวีค

ADS