ประวัติ ชาบี อลอนโซ่

| 01/01/1970 07:00 น. | 4542 Views

 

 

 

ชาบี้ อลอนโซ่

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ : ชาเบียร์ อลอนโซ่ โอเลโน่
วันเกิด : 25 พ.ย. 1981
เกิดที่ : โตโลซ่า ,สเปน
ตำแหน่ง : กองกลาง
ส่วนสูง : 183 ซม.
ฉายา : คุณชายลูกหนัง
สโมสรปัจจุบัน : ลิเวอร์พูล
หมายเลขเสื้อ : 14

 

 

 

 

วัยเด็ก

ในวงการฟุตบอลมีหลายครอบครัวที่เป็นตระกูลฟุตบอลขนานแท้ สืบทอดเส้นทางกันมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น ซึ่งหนึ่งในตระกูลนักฟุตบอลที่กำลังมีทายาทโด่งดังในขณะนี้คือตระกูล "อลอนโซ่" แห่งสเปน ที่มีทายาทมาดคุณชาย "ชาบี้ อลอนโซ่" เป็นความภูมิใจของตระกูลอยู่ในเวลานี้

Xavi Alonso

ชาบี้ อลอนโซ่ หรือในชื่อเต็มๆ ว่าชาเบียร์ อลอนโซ่ โอลาโน่ ทายาทของตระกูลนักฟุตบอลอลอนโซ่ ซึ่งสืบสายเลือดมาจากบิดา เปริโก้ อลอนโซ่ อดีตสตาร์ดังของบาร์เซโลน่า และเรอัล โซเซียดาด ในยุคปี 80 ซึ่งทีมหลังกลายเป็นสโมสรที่เป็นรากฐานชีวิตให้กับตระกูลอลอนโซ่รุ่นหลังไปด้วย

โดยป๊ะป๋า เปริโก้ หนีบกระเตงเอาลูกชายทั้งสองคน มิเกล กับชาเบียร์ มาบ่มเพาะวิชาลูกหนัง (ส่วนพี่ชายอีกคน จอน อลอนโซ่ เป็นผู้ตัดสิน) ซึ่งทั้งมิเกลและชาเบียร์ ก็เติบโตได้ดิบได้ดีในทีมเยาวชนของเรอัล โซเซียดาดมาพร้อมๆกัน และเล่นในบทบาทเดียวกันด้วยคือกองกลาง

เรอัล โซเซียดัด

แต่พรสวรรค์ในตัวของชาเบียร์ ดูจะเปล่งประกายกว่ามิเกล ผู้พี่มาก และด้วยวัยเพียง 18 ปี ชาเบียร์ หรือต่อมาเรียกกันสั้นๆติดปากว่า "ชาบี้" อลอนโซ่ ก็ได้ลงเล่นเป็นเกมแรกในชีวิตในสีเสื้อลายทางน้ำเงิน-ขาว ของเรอัล โซเซียดาด ในสนามซาน เซบาสเตียน ของตัวเองโดยมีโลโกรนเญส มาเยือนในวันที่ 1 ธ.ค.1999 ก่อนที่จะลงเล่นไปอีก 14 นัดในฤดูกาล 1999-00

หลังจากนั้นในฤดูกาลถัดมา ชาบี้ ถูกส่งตัวให้เอยบาร์ สโมสรเล็กๆ ยืมตัวไปใช้งานเพื่อสะสมประสบการณ์ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ลงสนามเท่าไหร่ แต่เมื่อกลับมายังซาน เซบาสเตียน อีกครั้งคราวนี้เจ้าหนูชาบี้ อลอนโซ่ ก็กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของชาวโซเซียดาด ไปในทันที

พรสวรรค์ของอลอนโซ่ เปล่งประกายในแดนกลางของโซเซียดาด จากสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะจินตนาการในการสร้างสรรค์เกมรุกให้กับโซเซียดาดด้วยการวางบอลที่แม่นยำราวจับวาง

Xavi Alonso

ในฤดูกาลนั้น (2002-03) โซเซียดาด สามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าอลอนโซ่ มีส่วนอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของทีมครั้งนี้

ชีวิตของมิดฟิลด์เท้าชั่งทองยังพุ่งขึ้นต่อเนื่องโดยถูกเรียกตัวติดทีมชาติสเปนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายดูกาลดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ในเกมที่พบกับเอกวาดอร์ ซึ่งอลอนโซ่ ในวัย 21 ปี มีส่วนช่วยให้ทีมถล่มอาคันตุกะจากละตินอเมริกาไปถึง 4-0

อย่างไรก็ดี ในฤดูกาลถัดมาอลอนโซ่ ก็มีปัญหากับฟอร์มการเล่นที่ถดถอยลงไป เช่นเดียวกับโซเซียดาด ที่ไม่อาจสร้างปรากฎการณ์ได้เหมือนเดิมอีกโดยทำ

ฤดูกาลแรกที่แอนฟิลด์ 2004-2005

แต่ชีวิตของอลอนโซ่ ก็ถูกจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเมื่อเขาได้รับการทาบทามจากราฟาเอล เบนิเตซ ยอดกุนซือชาวสเปน ให้ไปช่วยงานในชีวิตใหม่ที่อังกฤษกับทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ซึ่งอลอนโซ่ เป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดแรกที่ราฟา ดึงตัวเข้าไปสร้างทีม

ที่เมอร์ซี่ย์ไซด์ อลอนโซ่ สามารถแจ้งเกิดในฐานะจอมทัพคนสำคัญในแดนกลางเสริมทีมโดยได้จับคู่กับสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันแห่งแอนฟิลด์และกลายเป็นคู่หูกองกลางที่ดีที่สุดคู่หนึ่งของพรีเมียร์ชิพในเวลาไม่นานนัก

Xavi Alonso

การวางบอลยาวที่แม่นยำราวจับวางและการยิงไกลที่หวังผลได้รวมถึงลูกฟรีคิกระยะอันตรายที่ปล่อยผ่านไม่ได้ ทำให้อลอนโซ่ ได้รับการยอมรับจากแฟนๆและบรรดากูรูลูกหนังในเมืองผู้ดีอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดในยุโรปของยุคนี้เลยทีเดียว

และเพียงแค่ฤดูกาลแรกอลอนโซ่ ก็ได้สัมผัสเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 5 ของลิเวอร์พูล ได้ในเกมสุดมหัศจรรย์เมื่อทีมไล่ตามหลังเอซี มิลาน 3-0 และมาไล่ตีเสมอได้เป็น 3-3 ซึ่งอลอนโซ่ เป็นคนทำประตูตีเสมอ 3-3 ให้ทีมได้ในช่วงต้นครึ่งหลัง โดยทีแรกได้ยิงลูกจุดโทษแต่โดนดีด้า เซฟได้ก่อนที่จะตามเข้าซ้ำได้อย่างรวดเร็ว และท้ายที่สุดลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายชนะในการดวลจุดโทษ

อลอนโซ่ กลายเป็นกองกลางคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของลิเวอร์พูล ถึงขั้นที่มีการบอกว่าลิเวอร์พูลจะขาดเจอร์ราร์ดก็ได้ไม่เป็นไรแต่ขาดอลอนโซ่ไม่ได้เด็ดขาดเลยทีเดียว (แต่ขณะเดียวกันก็มีการแซวช็อตที่คู่นี้ "จูบ" กันในอิสตันบูล จนเป็นข่าวฮือฮาว่าแอบเกย์กันทั้งคู่ !!)

ฤดูกาล2005-2006

ในฤดูกาลถัดมา อลอนโซ่ ยังคงทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอแม้จะเปลี่ยนคู่ขาเป็นโมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ กองกลางดาวรุ่งดวงใหม่ที่ย้ายมาจากบาเลนเซีย และทำประตูมหัศจรรย์ได้ด้วยการยิงไกลกว่าครึ่งสนามในเกมเอฟเอ คัพ รอบที่ 3 กับลูตัน ทาวน์ ซึ่งต่อมามีการเปิดเผยว่ามีแฟนบอลรายหนึ่งโชคดีได้รับทรัพย์ถึงกว่า 25,000 ปอนด์เพราะไปแทงไว้ว่าอลอนโซ่ จะยิงจากครึ่งสนามเข้า

และฤดูกาลนี้กองกลางมาดคุณชายได้สัมผัสแชมป์อีกครั้งกับรายการเอฟเอ คัพ ในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ตื่นเต้นไม่แพ้กับเกมนัดชิงกับมิลานเลย ด้วยการเฉือนเอาชนะเวสต์แฮมในการดวลจุดโทษ

ฟุตบอลโลก2006 และฤดูกาล2006-2007, 2007-2008

กับทีมชาติสเปน อลอนโซ่ ยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญแม้ว่าจะมีคู่แข่งพร้อมแย่งชิงตำแหน่งมากมายทั้งดาวิด อัลเบลด้า ,รูเบน บาราฆา ,ชาบี้ เอร์นานเดซ รวมถึงน้องใหม่ไฟแรงอย่าง เซสก์ ฟาเบรกาสด้วย  ซึ่งในฟุตบอลโลก 2006 อลอนโซ่ ก็ติดทีมไปด้วยและเป็นคนยิงประตูแรกของสเปนได้ในเกมกับยูเครน ซึ่งเป็นประตูแรกและเป็นประตูเดียวที่อลอนโซ่ ทำได้ในทีมชาติแต่น่าเสียดายที่ทีมกระทิงดุต้องร่วงตกรอบอย่างรวดเร็วเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

สำหรับในฤดูกาลนี้ ผลงานของอลอนโซ่ ตกลงไปจากมาตรฐานเดิมเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังทำประตูมหัศจรรย์ด้วยการยงิครึ่งสนาม (อีกแล้ว!) ในเกมที่พบกับนิวคาสเซิล และเป็นกำลังสำคัญที่ขาดไม่ได้ในแดนกลางของลิเวอร์พูลอยู่เหมือนเดิม

แม้จะเริ่มมีข่าวว่ามีสโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดอย่างแอตเลติโก มาดริด และบาร์เซโลน่า อยากได้ตัวไปร่วมทีมก็ตาม และยังมีคู่แข่งหน้าใหม่อย่างฮาเวียร์ มาสเคราโน่ แต่อลอนโซ่ ก็ยังยืนยันว่าต้องการที่จะอยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไป และพร้อมจะต่อสัญญาออกไปหลังจบฤดูกาลนี้ ด้วยความหวังว่าจะได้สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ชิพกับลิเวอร์พูลซักครั้งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

 

ยูโร2008 และฤดูกาล2008-2009

หลังจากฤดูกาล2007-2008ยุติลง แต่ก็ยังมีทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลยูโร2008 ที่อลอนโซ่ยังมีภารกิจอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่วสำรองในทีมชาติ แต่เขาก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆเสมอในการถูกส่งลงสนาม และเขาก็ถูกยกให้เป็นกัปตันทีม ในนัดสุดท้ายของกลุ่ม ที่เจอกับกรีซ ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมด้วย จนในที่สุดเขาก็พาทีมชาติสเปน คว่ำเยอรมันลงลงได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศ เถลิงบัลลังก์แชมป์เป็นครั้งแรกได้อย่างยิ่งใหญ่


ในช่วงซัมเมอร์ปี2008มีข่าวลือหนาหูว่าลิเวอร์พูลจะเอาแกเร็ต แบร์รี่ เข้ามาแทนเขา แต่ในที่สุดการเจราจาก็ต้องชะงักลง เพราะตกลงค่าตัวกันไม่ได้ ทำให้เขาต้องอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ต่อในแบบเสียความรู้สึกพอสมควร
ในฤดูกาลนี้อลอนโซ่ยิงประตูสำคัญได้ในเกมเยือนเชลซีโดยทำประตูชัยเฉือนชนะ1-0หยุดสถิติไม่แพ้ใครที่สแตมฟอร์ดของเชลซีลงได้ในรอบ4ปี หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ในวันที่11ธันวาคม เขาก็เป็นคนแรกของพรีเมียร์ลีก ที่ผ่านบอลได้มากที่สุดถึง100ครั้ง และท้ายที่สุดถึงแม้เขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก หลังจากที่จะถูกขายออกไป แต่เขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมและเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขานับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล

 

ฤดูกาล 2009/10 กับต้นสังกัดใหม่"ราชันชุดขาว"

หลังที่ช่วงปิดฤดูกาล ทีมชุดขาวให้การสนใจตัวอลอนโซ่ เป็นอย่างมาก ตามจีบให้ไปร่วมทีมอยู่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่แสดงท่าทีว่าอยากไป แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนกับว่าอยากอยู่กับทีม

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่าทางทีมดังจากเกาะอังกฤษจะรั้งตัวไว้ไม่ไหว ในที่สุดก็ต้องยอมขายอลอนโซ่ ให้กับทีมมาดริดไป ในสนนราคา 30 ล้านปอนด์ และสวมเสื้อเบอร์ 22 ของทีมชุดขาว อยู่ในขณะนี้

คอนเฟดเดอเรชั่นคัพ2009

อลอนโซ่ถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติสเปนเพื่อไปทำการแข่งขันรายการสำคัญอย่างคอนเฟดเดอเรชั่นคัพ2009ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ แต่สเปนต้องอกหักตกรอบรองไปอย่างช็อกโลก พ่ายให้กับอเมริกาไป0-2

ในช่วงซัมเมอร์นี้ อลอนโซ่ยังตกเป็นข่าวหนาหูว่าจะย้ายทีมอีกครั้งโดยมีทีมอย่างเรอัล มาดริด เป็นตัวเต็งที่จะได้เขาไปร่วมทีม

ชีวิตส่วนตัว

อลอนโซ่ค่อนข้างจะเป็นคนเงียบขรึมแต่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เขามีลูกกับ นาโกเร่ อารานบูรู และมีลูกชาย1คน ชื่อ คอนชู อลอนโซ่
 
เขามีบ้านอยู่ในเมอร์ซี่ย์ไซด์ และเป็นเพื่อนสนิทกับมิเกล อาร์เตต้า มิเกล อลอนโซ่ พี่ชายของ ชาบี้ อลอนโซ่ ก็มาเล่นในแบบยืมตัวกับโบลตัน วันเดอร์เรอส์ ในปี2008-2009

ADS