ประวัติ ไมเคิล คาร์ริค

| 01/01/1970 07:00 น. | 2239 Views

Michael Carrick

     ไมเคิล คาร์ริค กองกลางชาวอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงทรรศนะหลังเกมที่เปิดบ้านถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส 3-0 ว่าเป็นฟอร์มที่เกิดจากความมั่นใจของทุกๆ คนในทีมปีศาจแดง พร้อมชี้ว่านี่คือการเรียกความเชื่อมั่นก่อนที่จะออกไปเยือน ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์นี้

     "ผมคิดว่านี่คือฟอร์มที่ดีสุดของเราในฤดูกาลนี้ มันเป็นเกมที่สำคัญมาก เราบุกกดดันได้ดีมาก เราคอนโทรลเกมไว้ได้หมด และมีสมดุลที่ดี"

     "เราคุมจังหวะได้ดีมาก โจมตีด้วยความเร็ว และลงโทษพวกเขาได้ยามที่เราบุกไปข้างหน้า ยามที่ต้องครองเกมไว้เราก็ทำได้ดี เรามีบาลานซ์ทั้งทีม"

     "เราทำได้ครบเครื่องในการเล่นคืนนี้ ผลการแข่งขันบอกไว้หมดทุกอย่างแล้ว นี่คือการเตรียมตัวที่ดีในการไปเยือน แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์นี้ ทุกๆ เกมล้วนมีความสำคัญ และความมั่นใจของเราก็มีมากด้วย"

     "ท็อตแน่ม เป็นทีมที่ดี เรารู้แต่แรกแล้วก่อนจะลงสนาม ที่สุดเราเอาชนะพวกเขาได้และเก็บ 3 แต้ม"

     "ชัยชนะในเกมนี้คือก้าวที่สำคัญของเรา ผมคิดว่าพวกเราทุกคนกำลังท็อปฟอร์มและมั่นใจอย่างสุดขีด และพร้อมแล้วสำหรับเกมต่อไปที่จะมาถึง"

 

 

 
         ถ้าพูดถึงทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบนเกาะอังกฤษคงหนีไม่พ้น ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหากพูดถึงคนที่เป็นตัวขับเคลื่อนหรือคอยคุมจังหวะบอลในทีมชุดนี้ก็คงต้องพูดถึง ไมเคิล คาร์ริค
 
          คาร์ริค เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 ที่ วอลล์เซนด์ ,อังกฤษ ในวัยเด็กเขาเป็นแฟนตัวยงของสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และเขาเริ่มเลยฟุตบอลกับสโมสร วอลล์เซนด์ บอยส์ คลับ ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี ฟุตบอลเริ่มครอบงำเขาได้อย่างเต็มตัว จนเขาถูกส่งโปรไฟล์การเล่นไปให้สำนักข่าวบีบีซีและได้ออกอากาศในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1995 จึงทำให้อคาเดมี่ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ดึงตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งตอนนั้น คาร์ริค ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งกองหน้า
 
          คาร์ริค เป็นส่วนหนึ่งของทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ชนะเลิศรายการเอฟเอ ยูธ ในฤดูกาล 1998/99 โดยเขาสามารถยิงได้ 2 ลูกในนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ โคเวนทรี ซิตี้ 9-0 และการเริ่มต้นนักเตะอาชีพของเขามีปัญหาเพราะเขาบาดเจ็บไปถึง 2 ปีเต็มแต่เขาก็สามารถพื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
 
         ทำให้เขาได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เกมแรกในเกมที่เสมอ โจเคอริท 1-1 ในรายการ อินเตอร์โตโต้ คัพ เมื่อ 24 กรกฎาคม 1999 ต่อมาอีก 5 สัปดาห์ในวันที่ 24 สิงหาคม เขาถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในเกมที่สามารถเอาชนะ แบรดฟอร์ด 3-0 
 
         ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 1999 คาร์ริค ถูกส่งตัวให้ สวินดอน ทาวน์ ยืมตัวไปและลงเล่นครั้งแรกในเกมที่เสมอกับ นอริช ซิตี้ 0-0 และเขาทำประตูแรกในอาชีพนักฟุตบอลได้ในเกมที่เอาชนะ ชาร์ลตัน 2-1 เมื่อ 23 พฤศจิกายน 
 
         ในกุมภาพันธ์ 2000 เขาถูกส่งให้ยืมอีกครั้งต่คราวนี้เป็น เบอร์มิงแฮม ซิตี้ แต่เขาก็ได้ลงเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น และเขาก็กลับมาถิ่น อัพตัน ปาร์ค อีกครั้ง ต่อมาประตูแรกที่เขาทำให้กับเวสต์แฮม เกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะ โคเวนทรี 5-0 ในวันที่ 22 เมษายน และในฤดูกาลแรกของเขากับทีมชุดใหญ่ขุนค้อนเขาก็ได้รับเลือกเป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของทีม
 
 
         ฤดูกาล 2000/01 คาร์ริค ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีม โดยเขาลงเล่นไปทั้งหมด 41 เกม เป็นในลีก 33 เกม และทำได้ประตูเดียวในเกทที่เสมอกับ แอสตัน วิลล่า 1-1 เมื่อ 9 ธันวาคม 2000
 
          ต่อมาเขาได้ทำการต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปจนถึงปี 2005 และวันที่ 20 เมษายน 2001 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง โจ โคล แต่ในที่สุด สตีเว่น เจอร์ราร์ด นักเตะลิเวอร์พูลก็คว้ารางวัลนี้ไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังได้รับเลือกเป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน
 
         ฤดูกาล 2001/02 คาร์ริค ลงเล่นให้ เวสต์แฮม ไป 32 เกม อีกทั้งยังทำได้ 2 ประตูในฤดูกาลนี้ ประตูแรกของเขาเกิดขึ้นในเกมที่แพ้ แบล็คเบิร์น 1-7 ในวันที่ 14 ตุลาคม และประตูที่ 2 ทำได้ในอีก 10 วันต่อมากับเกมที่เอาชนะเชลซี 2-1 ในช่วงท้ายฤดูกาลนี้เขามีอาการบาดเจ็บบริเวณโคนขาหนีบรบกวนจนทำให้ไม่ติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี
 
 
         ฤดูกาล 2002/03 แฟนๆของ เวสต์แฮม เกือบจะลืมชื่อของ ไมเคิล คาร์ริค ไปแล้ว เนื่องจากเขามีอาการบาดเจ็บรบกวนมาตลอดฤดูกาล และสุดท้าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต้องตกชั้นจากลีกสูงสุดไปในตอนจบฤดูกาล แทนที่จะย้ายออกจากทีมตามเพื่อนร่วมทีมอย่างโจ โคล, เฟรดี้ คานูเต้ และเจอร์เมน เดโฟ แต่เขากลับขออยู่ช่วยทีมต่อไป
 
         ฤดูกาล 2003/04 เวสต์แฮม จบอันดับที่ 4 ของตาราง และทำให้ต้องเตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่สุดท้ายต้องอกหัก เพราะแพ้ให้กับ คริสตัล พาเลซ 0-1 ในรอบชิงของการเพลย์ออฟ ทำให้ คาร์ริค เริ่มอยากจะย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีก
 
        ต่อมาเขาเป็นที่จับตามองจากหลายๆทีมในพรีเมียร์ลีก เช่น ปอร์ตสมัธ ,อาร์เซนอล ,เอฟเวอร์ตัน ,เวสต์บรอมวิช และ คริสตัล พาเลซ ก่อนที่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จะตัดหน้าทุกทีมคว้าลายเซ็นของเขาไปได้สำเร็จ
 
 
        เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม สเปอร์ส บรรลุข้อตกลงกับทาง เวสต์แฮม ด้วยเงิน 3,500,000 ปอนด์ ทำให้ ไมเคิล คาร์ริค ย้ายมาซบสเปอร์ส ในที่สุด ต่อมาคาร์ริคลงเล่นกับทีมสำรองนักแรกเขาก็สามารถทำประตูได้เลย
 
        แต่ในทีมชุดใหญ่เขากลับโชคร้ายเมื่อ วันที่ 14 กันยายน เขาได้รับบาดเจ็บทำให้การเปิดตัวในชุดใหญ่ต้องเลื่อนออกไปก่อน และนัดแรกของเขาก็มาถึงเมื่อเขาสวมเสื้อหมายเลข 23 และถูกเปลี่ยนตัวลงไปในเกมที่พ่ายต่อ ปอร์ตสมัธ 0-1
 
        ถึงแม้เขาจะกลับมาฟิตสมบูรณ์เต็มที่แล้วแต่ ฌาคส์ ซานตินี่ กุนซือในขณะนั้น ก็ยังมองข้ามเขาไป เนื่องจากเขามองว่า คาร์ริค ถูกซื้อมาโดย แฟรงค์ อาร์เนเซน ซึ่งเป็นผู้บริหารทีมมากกว่าการตัดสินใจของเขา
 
         แต่หลังจากการจากไปของ ฌาคส์ ซานตินี่ สเปอร์ส ก็แต่งตั้งให้ มาร์ติน โยล เข้ามารับหน้าที่แทน และในไม่ช้า ไมเคิล คาร์ริค ก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในแผงกองกลางในทีมของ โยล โดยเกมแรกอย่างเป็นทางการของเขาเริ่มจากวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 ซึ่งเกมนั้นเขาช่วยจ่ายให้ ร็อบบี้ คีน ยิงอีกด้วย
 
         วันที่ 18 ธันวาคม เขามีส่วนสำคัญในการช่วยทีมให้ชนะเซาแธมป์ตัน 5-1 และเขาสิ้นสุดฤดูกาลด้วยการลงสนามไป 29 นัด แต่ถึงอย่างไร สเปอร์ส ก็จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9 ของตาราง พลาดตั๋วไปลุย ยูฟ่า คัพ อย่างน่าเสียดาย
 
 
        ต่อมาในวันที่ 3 ธันวาคม 2005 คาร์ริค สามารถเปิดประตูแรกของเขาให้กับ สเปอร์ส ได้ ในเกมที่เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-2 และต่อมาเขาทำประตูที่ 2 ของตัวเขาเองให้กับ สเปอร์ส ได้ในวันที่ 8 เมษายน 2006 กับเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1
 
        วันที่ 22 เมษายน คาร์ริค ได้รับการยกย่องในฟอร์มการเล่นที่สามารถช่วยทีม ในเกมดาร์บี้ แมตช์ ลอนดอนเหนือ ที่เสมอกับ อาร์เซน่อล 1-1 และในวันที่ 7 พฤษภาคม คาร์ริค เป็น 1 ใน 10 คนของ สเปอร์สที่ต้องเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากอาหารเป็นพิษ ก่อนเกมสุดท้ายของฤดูกาล ที่จะเจอกับ เวสต์แฮม 
 
        แต่เขาก็ลงช่วยทีมในการเจอสโมสรเก่าของเขาไป 63 นาที และสุดท้าย สเปอร์ส ก็เอาชนะไปได้ 2-1 สุดท้าย สเปอร์ส ก็ไม่ได้อันดับ 4 ของตาราง ทำให้ไม่ได้ไปเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก แต่ คาร์ริค ก็มีการพัฒนามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงฤดูกาล 2005/06
 
        จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ไมเคิล คาร์ริค ถูกทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอไปให้เพื่อจะให้เขาไปเป็นตัวตายตัวแทนของ รอย คีน แต่ มาร์ติน โยล กลับปฏิเสธและบอกไปว่าเขาไม่ต้องการเสียผู้เล่นที่ดีที่สุดไปจากทีม
 
 
        แต่ในวันที่ 28 กรกฏาคม สเปอร์ส ได้ออกมาประกาศว่าสโมสรตกลงขาย ไมเคิล คาร์ริค ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์ และอาจจะเพิ่มเป็น 18.6 ล้านปอนด์หากทำผลงานได้ดี ซึ่งเขาจะมีค่าตัวแพงเป็นอันดับที่ 6 ของสโมสร และเขาได้รับเสื้อหมายเลข 16 ที่เคยเป็นของ รอย คีน
 
         ไมเคิล คาร์ริค เปิดตัวให้กับผีแดง ในเกมอุ่นเครื่องในวันที่ 4 สิงหาคม ที่เจอกับ ปอร์โต้ ซึ่งสามารถเอาชนะไปได้ 3-1 แต่เขากลับต้องพลาดการลงเล่นในช่วงแรกของฤดูกาล เนื่องจากได้รับอาการบาดเจ็บที่เท้า ในเกมที่เจอกับอาแจ็กซ์
 
        หลังจากที่เขาหายเจ็บ คาร์ริค ได้ลงเล่นอย่างเป็นทางการเกมแรก เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ในเกมที่ชนะ ชาร์ลตัน 3-0 และอีก 3 วันถัดมาเขาได้ลงเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมที่เอาชนะ วัตฟอร์ด 2-1
 
 
       ในฤดูกาลแรก ของเขากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเขาสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ทันที ตั้งแต่ย้ายมาฤดูกาลแรก
 
        ฤดูกาล 2007/08 ไมเคิล คาร์ริค ยอมรับว่าเขาหวั่นใจกับการที่ทีมซื้อ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ และ แอนเดอร์สัน มาร่วมทีม แต่เดือน ตุลาคม 2007 เขาก็ได้รับบาดเจ็บ ข้อศอก ในเกมกับโรม่า ในแชมเปี้ยส์ลีก ทำให้เขาต้องพักถึง 6 สัปดาห์ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นตัวหลักของทีมต่อไป
 
        ในสุดท้ายเขาสามารถยิงได้เพียง 2 ประตูในฤดูกาลนี้ แต่ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาก็ทำให้ทาง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต่อสัญญาเขาไปอีก 5 ปี ซึ่งจะทำให้เขาอยู่กับทีมอย่างน้อยไปถึง มิถุนายน 2012 จนสุดท้ายของฤดูกาลเขาสามารถพาทีมคว้าทั้งแชมป์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกของชีวิตเขาได้อีกด้วย
 
 
        ฤดูกาล 2012/13 ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ ไมเคิล คาร์ริค สามารถทำผลงานได้อย่างสุดยอด จนทำให้ เดือน เมษายน 2013 คาร์ริค ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี แต่สุดท้ายต้องพลาดให้ แกเร็ธ เบล ไป แต่ถึงอย่างไร คาร์ริค ก็ยังคงมีชื่อติด ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก และยังได้รับการโหวตจากแฟนบอลผีแดงให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรอีกด้วย
 
         ฤดูกาล 2013/14 ไมเคิล คาร์ริค เป็นตัวชูโรงในแดนกลางของ แมน ฯ ยูไนเต็ด ในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้าหากเกมไหนไม่มีชื่อเขาลงสนามการเคลื่อนบอลของทีมจะมีปัญหาในทันที เขาจึงกลายเป็นผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง

ADS