ประวัติ เจมี่ วาร์ดี้

| 01/01/1970 07:00 น. | 1452 Views

คล็อปป์ซูฮกวาร์ดี้เจ๋งจริงหลังยิงหงส์สองดอก

 

     เจอร์เกน คล็อปป์ เทรนเนอร์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ ออกมาซูฮก เจมี วาร์ดี ดาวยิงฟอร์มร้อน เลสเตอร์ ซิตี หลังเป็นฝ่ายเหมา 2 ประตู และยิงลูกสุดงามยัดเยียดความปราชัยให้ "หงส์แดง" 0-2 ในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

     ความพ่ายแพ้ดังกล่าว ส่งผลให้ลิเวอร์พูลอยู่ห่างจากอาร์เซน่อลทีมอันดับ 4 ถึง 11 แต้ม ในขณะเลสเตอร์ นำโด่งเป็นจ่าฝูง โดยมีคะแนนทิ้งรองจ่าฝูงอยู่ 3 แต้ม และกุนซือชาวเยอรมัน ถึงกับเอ่ยปากชมพลพรรค "จิ้งจอกสยาม" รวมถึงดาวยิงทีมชาติอังกฤษรายดังกล่าว

     "สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การที่คุณได้เห็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของ เจมี วาร์ดี และ เลสเตอร์ บ่อยครั้งที่คุณต้องการโชคนิดหน่อยแต่มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม อย่างแรกเลยคือคุณต้องมีความกล้าพอที่จะทำ มันคือฤดูกาลที่สมบูรณ์แบบของ เลสเตอร์ และซีซั่นที่วิเศษสำหรับ วาร์ดี"

     "เรามีโอกาสมากมายในการครอสส์บอลเข้าไป แต่หวังผลอะไรไม่ได้เลยเราผ่านบอลกันได้ดีในบางเวลา แต่จังหวะไม่ลงตัว บางจังหวะควรจ่ายแต่เรากลับยิง แต่นังหวะยิงเราดันจ่าย ดังนั้น ผมจึงรู้สึกไม่ดีนักในเวลานี้” กุนซือด๊อยช์กล่าว

ชื่อเต็ม : เจมี่ ริชาร์ด วาร์ดี้
วันเกิด : 11 มกราคม 1987 (อายุ 27 ปี)
สถานที่เกิด : เชฟฟิลด์, ประเทศอังกฤษ
ส่วนสูง : 178 เซนติเมตร
สัญชาติ : อังกฤษ
ตำแหน่ง : กองหน้า
สโมสรปัจจุบัน : เลสเตอร์ ซิตี้

ประวัติการค้าแข้ง

สต๊อกส์บริดจ์ พาร์ค สตีลส์
     วาร์ดี้ เริ่มค้าแข้งกับทีมเยาวชนของ สต๊อกส์บริดจ์ พาร์ค สตีลส์ ในวัย 16 ปี หลังถูกปล่อยตัวมาจาก เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เขาทำได้ดีจนถูกดันขึ้นทีมสำรอง และไปถึงชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ แกรี่ มาร์โรว์ ในปี 2007

ฮาลิแฟกซ์ ทาวน์
     เดือนมิถุนายน 2010 วาร์ดี้ มาร่วมทีม ฮาลิแฟกซ์ ทาวน์ ของ นีล แอสพิน เขาได้ประเดิมนัดแรกเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2010 พร้อมทำประตูชัยให้ทีมชนะ บักซ์ตัน 2-1 เขาประสบความสำเร็จมากด้วยการยิงไป 27 ประตู พร้อมถูกโหวตเป็นผู้เล่นแห่งปีของสโมสร

ฟลีทวู้ด ทาวน์
     หลังเริ่มต้นซีซั่น 2011-12 และทำไป 3 ประตู จาก 4 นัดกับ ฮาลิแฟกซ์ วาร์ดี้ ก็ถูก ฟลีทวู้ด ทาวน์ ดึงมาร่วมทีมแบบไม่เปิดเผยค่าตัว และได้ลงทันทีในเกมเสมอ ยอร์ค ซิตี้ 0-0 กับที่นี่เขาจบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีก และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม คอนเฟอเร้น เนชั่ลแนล ประจำเดือนพฤศจิกายน รวมสถิติ 36 นัด 31 ประตู

เลสเตอร์ ซิตี้

2012-2014
     วันที่ 17 พฤษภาคม 2012 วาร์ดี้ ย้ายมาร่วมทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 1.7 ล้านปอนด์ เป็นสถิติของนักเตะนอกลีก พร้อมเซ็นสัญญา 3 ปี
     วันที่ 14 สิงหาคม 2012 วาร์ดี้ ประเดิมเกมแรกในนัดพบ ทอร์คีย์ ยูไนเต็ด ในถ้วย ลีก คัพ และทำประตูปิดท้ายให้ทีมชนะ 4-0 ฟอร์มของเขาร่วงจนน่าตกใจ จนถูกแฟนๆ วิจารณ์ แต่กระนั้นผู้จัดการทีม ไนเจล เพียร์สสัน ยังวางใจเขาต่อไป
     ฤดูกาลต่อมา วาร์ดี้ กลับคืนฟอร์มยิงกระจาย พร้อมจบที่ 16 ประตู พาทีมเลื่อนชั้นพรีเมียร์ ลีก ในฐานะแชมป์แชมเปี้ยนชิพ

2014-15
     วันที่ 19 สิงหาคม 2014 วาร์ดี้ ขยายสัญญาของเขาไปถึงปี 2018
     วันที่ 21 กันยายน วาร์ดี้ ยิงประตูแรกในพรีเมียร์ ลีก และทำให้ทีมได้สองจุดโทษ พาทีมถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เละเทะ 5-3

 

2015-16

          วาร์ดี้ ออกสตาร์ทฤดูกาล 2015-16 ได้โดยการยิงประตูเปิดหัวให้เลสเตอร์ เปิดบ้านชนะซันเดอร์แลนด์ไป 4-2 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2015 ยิงประตูตีเสมอในเกมที่ "จิ้งจอกสยาม" พลิกแซงชนะแอสตัน วิลล่า 3-2 เมื่อวันที่ 13 กันยายน และจากเกมที่แพ้อาร์เซนอลไป 2-5 วาร์ดี้ก็ทำประตูในลีกไปแล้วถึง 7 ลูก เทียบเท่ากับที่เขาทำไว้เมื่อปีก่อน

          เขาทำประตูโทนในเกมที่เอาชนะคริสตัล พาเลซ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ซึ่งเป็นการยิงติดต่อกัน 7 นัดในลีก และเป็นประตูที่ 10 ของเจ้าตัวในซีซั่นนี้ ประตูที่ 8 มาเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม และกลายเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่ยิงติดต่อกันได้ 8 นัด ต่อจากรุด ฟาน นิสเตลรอย (2 ครั้ง) และแดเนียล สเตอร์ริดจ์

          สัปดาห์ต่อมา เขาทำประตูชัยจากจุดโทษ พาทีมเอาชนะวัตฟอร์ด 2-1 ทำสถิติเป็นยิง 9 นัดติดต่อกัน ตามหลังนิสเตลรอยเพียงลูกเดียว จากการระเบิดฟอร์มอันสุดยอด ทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคม 2015 ไปครองแบบไร้ข้อกังขา

          และแล้ววาร์ดี้ ก็ทำสำเร็จจนได้ ยิงประตูเปิดหัวในเกมที่เอาชนะนิวคาสเซิล 3-0 ทำสถิติเทียบเท่ากับรุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ 10 ประตู สัปดาห์หลังจากนั้นในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำประตูสร้างสถิติใหม่ให้ตัวเอง เป็นนักเตะที่ทำประตูติดต่อกันสูงสุดของพรีเมียร์ ลีก แซงหน้านิสเตลรอย แต่สุดท้ายก็หยุดสถิติดังกล่าวไว้ในเกมคว้าชัยเหนือสวอนซี 3-0 ซึ่งเขาไม่ได้ทำประตูในเกมดังกล่าว เกือบทำลายสถิติยิงประตูในลีกสูงสุดที่จิมมี่ ดันน์ ทำไว้ที่ 12 ประตู เมื่อปี 1931-32 และเขาก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมอีกครั้ง ประจำเดือนพฤศจิกายน กลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ที่ชนะรางวัลสองเดือนติดต่อกัน

ทีมชาติ

          วาร์ดี้ ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม เพื่อลงเล่นในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติไอร์แลนด์ และศึกยูโร 2016 รอบคัดเลือก กับ สโลเวเนีย ลงประเดิมสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ในเกมที่เจ๊าโนสกอร์กับไอร์แลนด์ ที่สนามอาวีว่า สเตเดี้ยม กรุงดับลิน โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทนกัปตันทีมอย่างเวย์น รูนีย์ ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย และได้ถูกเรียกตัวรับใช้ชาติอีกครั้งเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมที่ทีม "สิงโตคำราม" เอาชนะซาน มาริโน ไป 6-0

ADS