ประวัติ ฟรองซิส โกเกอแล็ง

| 01/01/1970 07:00 น. | 573 Views

Lee Mason & Francis Coquelin

     ลีกแดนผู้ดีลงดาบเชิ้ตดำในเกมที่ไอ้ปืนใหญ่บุกเฉือนพาเลซ ฐานเมินแจกใบเหลืองแดงให้แก่ห้องเครื่องชาวฝรั่งเศส

     ลี เมสัน ผู้ตัดสินในเกมระหว่าง คริสตัล พาเลซ เปิดรังแพ้ อาร์เซนอล 1-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดนพรีเมียร์ลีกลงโทษลดชั้นเป็นเพียงผู้ตัดสินที่ 4 ในเกมนัดต่อไป หลังทำหน้าที่ค้านสายตาจนถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง

     เชิ้ตดำชาวอังกฤษสุดใจดีไม่ยอมแจกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ ฟรองซิส โกเกอแล็ง ห้องเครื่องไอ้ปืนใหญ่ออกจากสนาม ทั้งที่นักเตะมีใบเหลืองติดตัวและทำฟาวล์ตัดเกมแบบชัดเจนถึง 2 ครั้ง ทำเอา อลัน พาร์ดิว กุนซือปราสาทเรือนแก้วต้องออกมาโวยหลังจบเกมเลยทีเดียว

     ล่าสุดลีกแดนผู้ดีก็ไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้และมีมติลดชั้นเมสันเป็นเพียงผู้ตัดสินที่ 4 ในเกมระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ พบ สเปอร์ส ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทั้งที่ตอนแรกเขาถูกวางตัวให้ตัดสินเกมดังกล่าว โดย มาร์ติน แอตกินสัน จะได้ทำหน้าที่ผู้ตัดสินที่ 1 แทน

     ทั้งนี้ เมสันถือเป็นหนึ่งในเชิ้ตที่ได้ลงทำหน้าที่มากที่สุดเมื่อฤดูกาลก่อนด้วยสถิติ 25 นัด

ชื่อ : ฟรองซิส โกเกอแล็ง
เชื้อชาติ : ฝรั่งเศส
วันเกิด : 13 พฤษภา 1991
อายุ : 23 ปี
สถานที่เกิด : ลาวาล, ฝรั่งเศส
ตำแหน่ง : กองกลางตัวรับ
สโมสร : อาร์เซนอล

 

 

     จากนักเตะที่เป็นส่วนเกิน เจียนไปเจียนอยู่กับอาร์เซนอลในช่วง 1-2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ทว่าตอนนี้ ฟรองซิส โกเกอแล็ง กองกลางตัวตัดเกมเมืองน้ำหอม ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ นับตั้งแต่ถูกไอ้ปืนใหญ่เรียกตัวกลับมาจาก ชาร์ลตัน แอธเลติก เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในลีก เหนือสองนักเตะในตำแหน่งเดียวกันจากสิงห์บลูและนักบุญอย่า เนมันย่า มาติช และ มอร์ก็อง ชไนเดอร์แล็ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาทำท่าจะหมดอนาคตกับยอดทีมแห่งลอนดอนเหนือแล้ว หลังมีโอกาสลงสนามเพียง 9 นัด ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

ประวัติ

 

 

     โกเกอแล็ง เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีมบ้านเกิดอย่าง แอแอส ลาวาล เบอร์นีย์ ก่อนย้ายออกจากทีมในปี 2005 ไปอยู่สโมสรที่ใหญ่กว่าในละแวกเดียวกันคือ สต๊าด ลาวาลัวส์ ใช้เวลาสามปีจนฟอร์มเตะตาแมวมองของ อาร์เซนอล จนได้บินลัดฟ้าย้ายไปร่วมทัพ "ปืนใหญ่" ในเวลาต่อมา

 

อาร์เซนอล

 

 

     เดือนกรกฎาคม 2008 โกเกอแล็งได้เข้าร่วมทีมอาร์เซนอล หลังจากประสบความสำเร็จในการทดสอบฝีเท้า แม้จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บต้นขาที่ทำให้ต้องจบการทดสอบก่อนกำหนด เขาก็โชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจจนได้รับการยื่นสัญญานักเตะอาชีพจากยอดทีมแห่งลอนดอนเหนือ

 

2008-2009

 

 

     โกเกอแล็งลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในช่วงปรี-ซีซั่นที่พบกับ บาร์เน็ต และ ซอมบาธยี่ ฮาลาดาส และได้ลงเล่นเปิดตัวในเกมทางการครั้งแรก ในแมตช์ที่อาร์เซนอลเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 6-0 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2008 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทน ฟราน เมอริด้า เพื่อทำหน้าที่ในตำแหน่งแบ็คขวา โกเกอแล็งทำประตูแรกของเจ้าตัวในเครื่องแบบ "ปืนใหญ่" ในแมตช์ทีมสำรองที่พบกับ สโต๊ค ซิตี้ วันที่ 6 ตุลาคม 2008 โดยการยิงเต็มข้อจากกรอบเขตโทษด้วยเท้าซ้ายข้างที่ไม่ถนัด

 

2009-10

 

 

     โกเกอแล็งกลายเป็นนักเตะขาประจำของทีมสำรองในช่วงปี 2009-2010 ลงเล่น 12 นัด และทำประตูได้ 2 ครั้ง จนวันที่ 22 กันยายน 2009 ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเกมที่พบกับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ในศึกลีก คัพรอบสาม ใช้เวลาบนสนาม 58 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวกับ มาร์ค แรนดอลล์ หลังจากนั้นเขาได้มีส่วนร่วมในศึกลีก คัพอีกครั้ง โดยถูกเปลี่ยนตัวกับ ฟราน เมอริด้า ในช่วงครึ่งหลังของเกมที่เอาชนะลิเวอร์พูลไป 2-1 แต่ทว่าเขากลับต้องผิดหวังกับการแข่งขันเอฟเอ คัพ ครั้งแรก ที่อาร์เซนอลพ่ายให้กับสโต๊ค ซิตี้ 3-1 เพราะได้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาที่เขาไม่คุ้นเคย โดยถูกเปลี่ยนตัวกับ อารอน แรมซีย์ ในช่วงครึ่งหลัง

 

ยืมตัวไปลอริยองต์

 

 

     โกเกอแล็งตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ ลอริยองต์ แบบยืมตัวตลอดช่วงซีซั่น 2010-2011 ลงเล่นเปิดตัวนัดแรกเป็นตัวสำรองช่วงครึ่งหลังในเกมที่พ่ายนีซคาบ้าน 2-1 วันที่ 14 สิงหาคม 2010 ทำแอสซิสต์ครั้งแรกโดยการเลี้ยงหลบผู้เล่นของลีลล์ แล้วแทงทะลุช่องให้ เคแว็ง กาเมโร่ ทำประตูในเกมที่แพ้ลีลล์ถล่มทลาย 6-3 ได้รับใบแดงเป็นครั้งแรกจากการลงเล่นตำแหน่งแบ็คขวาในเกมกับ วาลองเซียนส์ หลังรับใบเหลืองที่สองของเกมจากการทำแฮนด์บอลโดยเจตนา จนในที่สุดเขาก็ได้ทำประตูแรกในการเล่นฟุตบอลระดับอาชีพในเกมที่เอาชนะแร็งส์ 2-1 จากการยิงไกลของ มอร์ก็อง อมัลฟิตาโน่ แล้ว นิโคลาส์ ดูเช่ซ์ ปัดออกมาเข้าทางโกเกอแล็งซ้ำดาบสองเป็นประตูชัยของลอริยองต์ สุดท้ายแล้วเขาเสร็จสิ้นการยืมตัวกับลอริยองต์ด้วยการลงสนามทั้งหมด 24 นัดในลีกเอิง อีกหนึ่งนัดในบอลถ้วยฝรั่งเศส และทำได้เพียงประตูเดียว

 

2011-2012

 

 

     หลังใช้เวลาช่วงปรี-ซีซั่นกับทีมชาติฝรั่งเศสในศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี โกเกอแล็งกลับอาร์เซนอลเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2011 ลงเล่นเกมลีกนัดแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวลงสนามแทน อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ในนาทีที่ 62 ที่พวกเขาพ่ายไปแบบช็อคแฟนบอลทั้งสนาม 8-2 หลังจากนั้นเขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งที่สองให้อาร์เซนอลในเกมดาร์บี้แมตช์ของลอนดอนเหนือกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส แม้ทีมของเขาจะพ่ายแพ้ไป 2-1 แต่โกเกอแล็งได้ผลโหวตจากเว็บไซต์ Arsenal.com ให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ครั้งแรก ต่อมาในวันที่ 6 ธันวาคม ต่อมาเขาได้ลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรกในเกมที่ต้นสังกัดของเขาบุกไปแพ้โอลิมเปียกอส 3-1 ได้ลงเล่น 67 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวกับ โทมัน โรซิคกี้ ในวันที่ 10 มกราคม 2012 โกเกอแล็งเซ็นสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับอาร์เซนอล หลังโชว์ฟอร์มดีทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรับและกองหลัง และในที่สุดเขาก็ทำแอสซิสต์แรกให้กับอาร์เซนอลได้ในเกมที่อาร์เซนอลเอาชนะแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 7-1 จากการเปิดไปยังเสาแรกเข้าหัว โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ โหม่งทำประตูอย่างสวยงาม

 

2012-2013

 

 

     ช่วงเริ่มต้นซีซั่น 2012-2013 โกเกอแล็งได้รับหมายเลขในทีมใหม่จาก 39 เป็น 22 ลงเล่นนัดแรกของซีซั่นในเกมที่เอาชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 6-1 ลงเล่น 67 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวกับ อารอน แรมซีย์ และในวันที่ 25 ตุลาคม 2012 เขาก็ได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากเว็บไซต์ Arsenal.com อีกครั้งจากฟอร์มอันสุดยอดในแมตช์ที่ "ปืนใหญ่" เปิดบ้านเอาชนะ ชาลเก้ 04 ไป 2-0

 

ยืมตัวไปไฟรบวร์ก

 

 

     วันที่ 5 กรกฎาคม 2013 อาร์เซนอลประกาศว่าปล่อย โกเกอแล็ง ให้ไฟรบวร์กยืมตัวตลอดซีซั่น 2013-2014 โดยเขาสามารถทำประตูให้ต้นสังกัดใหม่ได้ในเกมที่เอาชนะ สโลวาน ลิเบอเร็คไป 2-1

 

ยืมตัวไปชาร์ลตัน

 

 

     วันที่ 3 พฤศจิกายน 2014 โกเกอแล็งถูกปล่อยยืมตัวไปยัง ชาร์ลตัน แอธเลติก ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ หนึ่งเดือน ลงเล่นนัดแรกให้กับ "ดาบอัศวิน" เป็นตัวสำรองในเกมที่บุกไปเสมอลีดส์ 2-2 ที่สนามเอลแลนด์ โร้ด เดิมทีแล้วสัญญายืมตัวของโกเกอแล็งถูกขยายไปจนสิ้นเดือนธันวาคม 2014 แต่ทว่าเขาถูกเรียกตัวกลับอาร์เซนอลโดยกะทันหันเนื่องจากวิกฤตอาการบาดเจ็บในทีม "ปืนใหญ่"

 

กลับสู่อาร์เซนอล

 

 

     วันที่ 12 ธันวาคม 2014 อาร์เซนอลเรียกโกเกอแล็ง กลับจากการยืมตัวที่ชาร์ลตันโดยด่วนเพื่อลงเล่นแทนตำแหน่งของ อารอน แรมซีย์ ที่ได้รับบาดเจ็บ ในวันถัดจากนั้นเขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกมที่เอาชนะ นิวคาสเซิล 4-1 ในพรีเมียร์ ลีก หลังจากแมตช์ดังกล่าว อีกสองนัดถัดไปกับ ลิเวอร์พูล และควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส โกเกอแล็งได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งสองเกม เป็นการลงสนาม 11 ตัวจริงครั้งแรกในรอบ 23 เดือน นับตั้งแต่เกมกับ เวสต์ แฮม ที่สนามโบเลย์น กราวน์ด เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม และก็ได้ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้นับตั้งแต่นั้นมา

     หลังกลับมาเล่นให้อาร์เซนอล จากที่เวนเกอร์ยอมรับว่าเคยคิดจะโละเขาออกจากทีม กลับกลายเป็นว่าเขาคือกำลังสำคัญของ "ปืนใหญ่" ในตอนนี้ โดนอาร์เซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "เขาไม่เคยอยู่ในแผนงานของผมเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ผมบอกเขาว่าจะสรุปทุกอย่างให้เข้าใจอีกครั้งในตอนคริสต์มาส จากนั้นเราก็เฝ้าดูเขาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเขาไม่ได้ลงเล่นตลอดช่วงคริสต์มาส และเหลือสัญญากับทีมอีกเพียงแค่ 6 เดือนในเวลานี้ ผมอาจจะปล่อยเขาย้ายทีมออกไป แต่นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนประหลาดใจ เขามีพัฒนาการที่ดีมาก ผมคิดว่าเขาวิเคราะห์อะไรได้ดี และรู้ว่าตัวเองเล่นดีในตำแหน่งกองกลางตัวรับ"

 

ระดับชาติ

 

 

     โกเกอแล็งผ่านการเล่นทีมชาติให้กับฝรั่งเศสมาแล้วมากมายในรุ่น ยู17, ยู18, ยู19, ยู20 และ ยู21 เป็นผู้เล่นสำคัญที่ทีมชาติฝรั่งเศสเอาชนะแชมป์ยูโร ยู-19 ปี 2010 ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงถึง 4 จาก 5 นัด

     จากนั้นในปี 2011 โกเกอแล็งและเพื่อนร่วมทีมอาร์เซนอลอย่าง กิลล์ส ซูนู มีชื่อติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดยู-20 จาก 21 คนสุดท้าย ไปสู้ศึกฟุตบอลโลกรุ่นยู-20 ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัด ช่วยทีมคว้าอันดับ 4 ของรายการ

ADS