ประวัติ โยฮัน ครอยฟ์

| 01/01/1970 07:00 น. | 1051 Views

 

“นักเตะเทวดา” โยฮัน ครอยฟ์

นักฟุตบอลน้อยคนนักที่จะได้รับการยกย่องว่าจัดอยู่ในระดับชั้นเดียวกับนักเตะระดับตำนานของโลกอย่าง เปเล่,ฟรานซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์ และ ดีเอโก้ มาราโดนา

ในระดับทีมชาติแม้ว่าจะไม่เคยสัมผัสความเป็นแชมป์โลกมาก่อน และลงเตะทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกเพียงครั้งเดียว แต่ โยฮัน ครอยฟ์ ก็ได้รับการจารึกชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานที่มีความสามารถระดับพรสวรรค์ที่โลกควรลำลึกถึงขั้นได้รับฉายาว่า “นักเตะเทวดา”

ความสำเร็จของ ครอยฟ์ ส่วนใหญ่มาจากในระดับสโมสร ไอแอกซ์ อัมสเตอร์ดัม คือทีมที่ ครอยฟ์ เข้ามาปลุกให้ตื่นและออกจากความมืดมน

ครอยฟ์ มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ตั้งแต่เด็กๆว่าจะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ เริ่มต้นตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ก่อนออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 13 เพื่อหันมาเอาดีและให้ความสนใจเฉพาะฟุตบอลอย่างเดียว

จนกระทั้ง ไรนุส มเชลส์ ตำนานยอดโค้ชเห็นแววและจับมาปลุกปั้นตั้งแต่อายุยังน้อยจัดโปรแกรมให้เสร็จสรรพ์ทำให้มีพัฒนาการไปได้เร็วบวกกับความตั้งใจและพรสวรรค์ส่วนตัว และไม่นานก็ได้เป็นนักเตะอาชีพกับ ไอแอ๊กซ์

ครอยฟ์ ได้เป็นนักเตะตัวจริงของ ไอแอ๊กซ์ อย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าแชมป์ลีก ดัตช์ ใบแรก จาก 9 แชมป์ของตัวเองกับ ยอดทีมแห่ง อัมสเตอดัม ด้วยวัย 19 ปี

หลังจากโชว์ฟอร์มอลังการให้ต้นสังกัดด้วยทักษะที่เยี่ยมยอดเหมือนเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้แต่กำเนิด ใช้ได้ดีทั้งสองเท้า ไม่นานก็ได้ติดทีมชาติ เล่นตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ บัญชาเกมรุกได้เฉียบคม

แต่จากความมั่นใจมากเกินไป พูดจาขวานผ่าซาก คนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้า ครอยฟ์ จึงมีเยอะเป็นธรรมดาจนกระทั่งปี 1972 ครอยฟ์ โดนโหวตให้ถอดปลอกแขนกัปตันทีม ไอแอ๊กซ์ จากเสียง 13-3

ในปี 1974 ทีมบาร์เซโลน่า ซึ่งไม่ได้คว้าแชมป์ลีกมาตั้งแต่ปี 1960 ได้ตัดสินใจซื้อตัวครอยฟ์มาร่วมทีม เพื่อนเป็นส่วนหนึ่งในการคว้าชัยมาให้ได้ และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อครอยฟ์พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา ได้ในปีนั้นเลย

ระหว่างที่อยู่กับบาร์เซโลน่า ครอยฟ์สร้างประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนัง ด้วยการทำประตูที่ต้องกล่าวถึงกันว่า เป็น The Phantom Goal เลยทีเดียว เมื่อครอยฟ์ หันหลัง กระโดดเตะ "ด้วยเข่า" บอลพุ่งเข้าประตูของแอตเลติโก มาดริด ไปอย่างสวยงาม

ปี 1980 ครอยฟ์มีอายุ 32 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นวัยขาลงของอาชีพนักฟุตบอล ครอยฟ์ได้ย้ายออกจากทีม ไปเล่นในลีกที่เล่นเบาลงอย่าง เมเจอร์ลีก อเมริกา โดยไปอยู่กับทีมแอลเล แอซเทคส์ 1 ฤดูกาล ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี มาด้วย ลงสนามทั้งสิ้น 32 ทำได้ 12 ประตู

หลังจากหมดสัญญากับทีมอเมริกา ครอยฟ์กลับมาเล่นในยุโรปอีกครั้ง โดยคราวนี้เลือกเล่นให้กับทีมเล็กๆอย่าง ลาเวนเต้ ในลีกสเปน ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น ก่อนที่จะย้ายออกมาอีกที โดยมาอยู่กับทีมแจ้งเกิดของเขา ไอแอ๊กซ์ ดัมสเตอร์ดัม

ครอยฟ์ ช่วยทีมคว้าแชมป์ 2 ฤดูกาล ก็ย้ายไปทีมคู่ปรับ เฟเยนูร์ดและก็ช่วยทีมคว้าแชมป์ได้ด้วย ก่อนจะแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ หลังฤดูกาลแรกกับเฟเยนูร์ดจบลง

กับชีวิตช่วงสั้นๆกับทีมชาติ ดัตช์ ครอยฟ์ ได้ติดทีมชาติครั้งแรกเกมกับ ฮังการี ปี 1966 ลงเล่นเพียง 48 เกมให้กับ “อัศวินสีส้ม” เกมสุดท้ายที่ครอยฟ์รับใช้ชาติคือเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1978 ที่อาร์เจนตินา

ความสำร็จสูงสุดของ ครอยฟ์ กับทีมชาติคือปี 1974 ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่เยอรมัน ฮอลแลนด์ไม่ได้รับการจับตามองมากนักไม่มีใครคิดว่าจะดีพอถึงแชมป์ หลังผ่านรอบคัดเลือกมาอย่างหืดจับ แต่ภายใต้การทำทีมของ ไรนุส มิเชล สภาพจิตใจของทีมเยี่ยมมากๆ ประกอบกับแท็กติก และจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่มาลงตัวอย่างถูกเวลา

หลังผ่านรอบแรก ฮอลแลนด์ โดนกล่าวถึงเป็นอย่างมากกับฟอร์มอันร้อนแรง และโดนปรับให้เป็นเต็งแชมป์ทันที และ ครอยฟ์ กับเพื่อนร่วมทีมอัศวิน ก็ไม่ได้ทำให้ชาวโลกผิดหวัง ในรอบสอง ฮอลแลนด์ ไล่ถลุงอาร์เจนตินา เจ้าภาพเละเทะ 4-0 นับเป็นเกมที่สวยงามที่สุดในทัวร์นาเมนต์

ขณะที่ แมตช์กับเยอรมันตะวันออกขุนพลดัตช์ชนะไป 2-0 แต่ก็มีปัญหามากมายในเกม ปิดด้วยเกมสุดท้ายของรอบสอง ฮอลแลนด์ ต้องเจอกระดูกชิ้นโตอย่าง บราซิล ที่จบเกมได้อย่างสง่างามกับชัยชนะ 2-0 เหนือทีมแซมบ้า ที่ครอยฟ์ ยิงประตูย้ำชัยให้ทีม ในนาทีที่ 65 เปนประตูที่ได้รับการยอมรับว่าสวยงามที่สุดในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก ทั้งเชิงฟุตบอล และเท็คนิค ลอยตัววอลเลย์ เสียบเสาเข้าประตูไป

ครอยฟ์ และเพื่อนร่วมทีมได้ฝ่าฟันผ่านไปอวดความสามารถในนัดชิงชนะเลิศเจอกับ เยอรมันปะทะนักเตะอย่าง แบร์ตี้ โฟกส์,เกิร์ด มุลเลอร์,เซปป์ ไมเออร์ ซึ่งทีมพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดในแมตช์นี้ เป็นโอกาสที่ใกล้เคียงเพียงครั้งเดียวของ ครอยฟ์ ที่จะได้สัมผัสแชมป์โลก แต่ก็ไม่สำเร็จ

ระหว่างศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่เยอรมัน ครอยฟ์ ประกาศตลอดเวลาว่า ทัวร์นาเมนต์ 4 ปีจากนั้น ที่อาร์เจนตินา จะไม่มีชื่อเขาลงเล่นแน่นอน เนื่องจากเจ้าตัวไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไปใหนไกลๆเป็นเวลานานๆอีกต่อไป และนั่น คือจุดลงเอยของ ครอยฟ์ กับ “ดิ ออเรนจ์” ....

ชีวิตการคุมทีม 

ครอยฟ์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีม หลังแขวนสตั๊ดได้ไม่นาน โดยคุมทีมแรก ก็คือทีมที่แจ้งเกิดของเขาเลย ไอแอ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมส์ ในปี 1986 ทำผลงานได้ค่อนข้างดี คว้าถ้วย KNVB Cup มาสองฤดูกาล ได้แชมป์คัพส์วินเนอร์สคัพ แต่คว้าแชมป์ลีกไม่ได้เลย

และพอถึง 1988 ครอยฟ์ได้มีโอกาสคุมทีมที่ใหญ๋ขึ้นมาอีก นั่นคือ การได้รับแต่งตั้ง จากสโมสร บาร์เซโลน่า ให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีม

ครอยฟ์ คุมทีมบาร์ซา เป้นเวลา 8 ปีเต็ม ซื้อและสร้างนักเตะดังๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น โจเซฟ กวาดิโอล่า, โรมาริโอ ไบรอัน เลาดรุป, ฮริสโต สตอยคอฟ คว้าแชมป์มานับไม่ถ้วน แต่อย่างไรก็ตาม สองฤดูกาลสุดท้ายที่เขาคุม เขาไม่ได้ถ้วยอะไรเลย นั่นทำให้เขาต้องออกจากการคุมทีมในที่สุด

ADS