"เกม" กับสังคมไทย
ถ้าพูดถึงคำว่า "เกม" แล้วทุกๆท่านคิดถึงอะไรกันบ้างครับ? ส่วนตัวผมคงหมายถึงวิดีโอเกม ที่ทำให้เด็กทั่วบ้านทั่วเมืองติดกันงอมแงมและปัญหาตามมาก็คือคำว่า "เด็กติดเกม" ที่โดนทั้งพ่อ-แม่ สวดยับลุกลามจนไปถึงกลายเป็นปัญหาของสังคมจนมีประเด็นการลอกเลียนแบนภายในเกมให้เห็นอยู่บ่อยๆอย่างต่างประเทศก็เรื่องของการปล้นหรือปัญหาความรุนนั่นเอง จนเรียกได้ว่ายุคนึง "เกม" ตกเป็นจำเลยของสังคมได้เลยทีเดียว
การเปลี่ยนแปลงของสังคมเกม
จนมาถึงในยุคปัจจุบันตัวผู้เขียนเองก็เล่นเกมมาเยอะจนอายุปาไปจะแตะหลัก 30 แล้ว (รู้สึกแก่) ที่ผมจะบอกก็คือเราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเกมมาเยอะจากเกมตลับที่ต้องเป่ากันปากแทบฉีก จนกลายมาเป็นเครื่องเล่นสุดยอดของความบันเทิงชนิดนึงที่กราฟิค, แสง, สีและเสียง เข้าเข้าเหมือนจริงมากที่สุดหรือเครื่องคอมพิวเตอร์จากเมื่อก่อนที่ใหญ่มโหฬารจอแก้วอันหนักอึ้ง มาตอนนี้กลายเป็นจอแบนสุดบางเฉียบรวมไปถึงอุปกรณ์การเล่นที่อำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงแล้วรวมไปถึงคำว่า "เกม" กับสังคมไทยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเพราะได้รับการยอมรับมากขึ้นแถมการเล่นเกมยังกลายเป็นอาชีพได้อีกด้วยจนทำให้เกิดคำว่า E-SPORT อี-สปอร์ต ตามมา
ภายหลังการเข้ามาของ "อี-สปอร์ต" ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการเกมอย่างกว้างขว้างมีการจัดแข่งขันที่เป็นทางการกันมากขึ้นจนในที่สุดก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้คำว่า "อี-สปอร์ต" ยังถูกยอมรับให้เห็นกีฬาชนิดหนึ่งจนถูกบรรจุในมหกรรมการแข่ง ซีเกมส์, เอเชี่นน เกมส์ และ โอลิมปิค เกมส์ และมันทำสังคมของเกมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ความดำมืดของ อี-สปอร์ต
ในเมื่อมีด้านสว่างแน่นอนว่า อี-สปอร์ต ก็มีด้านมืดเหมือนกันเพราะยิ่งวงการเกมเติบโตมากเท่าไหร่ความดำมืดก็ยิ่งชัดเจนเหมือนเงาตามตัวล่ะครับสิ่งที่ผมว่านั่นก็คือ "การพนัน" เนื่องจากในการแข่งขันเราอาจจะคาดเดาได้ง่ายดายว่าทีมไหนจะแพ้หรือชนะด้วยชื่อชั้นของทีมที่ห่างกันเกินไปหรืออาจรวมไปถึงการล้มมวยให้ทีมแพ้เพื่อรับเงินพนัน ทีนี้เข้าสู่ปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายหลายๆอย่างหนึ่งในนั้นก็คือ "โควิด-19" ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกไม่เว้นวงการ อี-สปอร์ต จากที่เคยต้องแข่งกันในงานแลน (นั่งในร้านเน็ต) กลายเป็นต้องมาแข่งที่บ้านแบบออนไลน์แทน แต่มันก็เหมือนดาบสองคมเพราะการพนันก็ยังตามมาถึง
ถามว่าแข่งแบบนี้จะพนันกันยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือการแข่งขัน Dota 2 ในรายการ ESL Thailand Championship 2020 ที่กำลังจัดขึ้นในตอนนี้มีการสลับตัวผู้เล่นเอาผู้เล่นต่างชาติเอามาสวมรอยแทน ถามว่ารู้ได้ไง? สังเกตุง่ายๆในรอบแข่งที่ผ่านมา ทางทีมเข้าแข่งขัน NoMorphling นั้นไม่สามารถแสดงผลงานออกมาด้วยการแพ้รวดทุกนัดจนตกรอบไปแล้ว เมื่อฟังแล้วอาจสงสัยว่าทางผู้จัดการแข่งขันอย่าง ESL คิดมากไปเปล่า? บางทีทีม NoMorph อาจจะมีลูกฮึดเล่นดีก็ได้ แต่ความน่าสงสัยทั้งหมดก็หมดลง เมื่อทางเพจ Hashtag E-Sports อีกหนึ่งทีม อี-สปอร์ต ที่ลงแข่งรายการนี้ได้ออกมาแปะหลักฐานเกี่ยวกับการโอนเงินเพื่อจ้างคนมาเล่นแทน จนล่าสุดทางแฟนเพจ ESL Thailand ได้ตัดสิทธิ์ทีม NoMorphling จากการแข่งขันทันทีพร้อมกับแบนตัวผู้เล่นในรายการของ ESL เป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน
วงการของเกม และ อี-สปอร์ต มาถึงจุดนี้ได้ทุกคนที่เป็นเกมเมอร์ต่างพยายามพิสูจน์ให้พ่อ-แม่ ตัวเอง, สังคม หรือประเทศ ได้เห็นว่าเกมมันไม่ได้เลวร้ายและย่ำแย่แบบที่คิด แต่เพียงแค่การกระทำของคนไม่กี่คนก็ฉุดให้คำว่า "เกม" พร้อมที่จะตกต่ำทุกเมื่อเหมือนกับสุภาษิตที่ว่า "ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง" หมายถึงคนเพียงคนเดียวที่ทำสิ่งไม่ดีแล้วทำให้คนทั้งกลุ่มเสียชื่อเสียงไปด้วย ท้ายที่สุดก็ขอฝากบทความนี้ไว้ในอ้อมกอดทุกท่านด้วยน่ะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.facebook.com/Mikasadota2/,
https://www.facebook.com/Cyberclasher.Gamecaster/?epa=SEARCH_BOX,
