ประวัติ ราฮีม สเตอร์ลิง

| 01/01/1970 07:00 น. | 928 Views

แค่เริ่มต้น! เปเยพอใจฟอร์มราฮีมแม้เท้าบอดนัดออกสตาร์ต

     มานูเอล เปเยกรินี ผู้จัดการทีมคนเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมายืนยันว่า ค่อนข้างฟอร์มการเล่นของ ราฮีม สเตอร์ลิง ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลซึ่งบุกไปถล่มเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนถึง 3-0 แม้จะยังไม่สามารถทำประตูได้ก็ตาม

     ทั้งนี้ ปีกตัวจี๊ดเจ้าของค่าตัว 49 ล้านปอนด์ มีโอกาสลุ้นเจาะตาข่ายเจ้าบ้านถึง 2 หน แต่ก็ถูก โบอาซ มายฮิลล์ฺ นายด่านเดอะ แบ็กกี้ส์ปฏิเสธได้ทั้ง 2 ครั้ง แต่ยังดีที่ ยาย่า ตูเร มาระเบิดฟอร์มเก่งเหมาคนเดียว 2 ประตู บวกกับอีก 1 ลูกจาก แว็งซองต์ กอมปานี ก็ทำให้เรือใบสีฟ้าแล่นฉิวรั้งจ่าฝูงหลังผ่านนัดแรก

     "เขามีโอกาสแบบจะแจ้งถึง 2 ครั้งที่จะยิงประตูได้" อดีตกุนซือเรอัล มาดริด กล่าวกับ Sky Sports "แต่ ราฮีม เพิ่งจะเริ่มต้นเล่นกับเพื่อนร่วมทีมใหม่และรูปแบบการเล่นใหม่ บางทีเขาอาจจะยังไม่สามารถโชว์ศักยภาพที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาได้ แต่เขาก็มี 65-70 นาทีที่น่าพอใจแล้ว"

     สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของทีมรองแชมป์เก่า จะเปิดสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ทำศึกหนักกับแชมป์เก่าอย่างเชลซี ในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคมนี้ 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ชื่อเต็ม : ราฮีม ชาควิลล์ สเตอร์ลิง

เกิด : 8 ธันวาคม ค.ศ. 1994 (17 ปี)
เกิดที่ : คิงส์ตัน จาเมกา
สูง : 1.70 ม. (5 ฟุต 7 นิ้ว)
ตำแหน่ง : ปีกซ้าย , ปีกขวา , กองหน้า 
สโมสรปัจจุบัน : ลิเวอร์พูล
หมายเลข : 31
 
     ราฮีม ชาควิลล์ สเตอริง เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1994 ในเมืองคิงส์ตัน ที่ประเทศจาเมกา ก่อนจะย้ายมาพำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จากนั้นเมื่อเจ้าตัวอายุครบ 10 ขวบ ก็ถูก ควีนสปาร์คเรนเจอร์ จับเซ็นสัญญาเป็นแข้งเยวชนในสังกัด กระทั่งผ่านไป 4 ปี ชื่อของ สเตอร์ลิง ดังไปถึงประเทศบ้านเกิด ถึงขนาดหนังสือพิมพ์ในท้องถิ่นพาดหัวใหญ่โตว่า "หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษสุดมหัศตรรย์"  จากนั้นในปี 2010 เมื่ออายุได้ 16 ปี ดาวเตะพรสวรรค์ย้ายไปอยู่กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในยุคที่ ราฟาเอล เบนิเตซ เป็นผู้จัดการทีม ด้วยค่าตัว 6 แสนปอนด์ (ราว 30 ล้านบาท) และค่าตัวสามารถขึ้นไปถึง 5 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท) ตามเงื่อนไขต่างๆ 
 
 
     สเตอร์ลิง ประเดิมสนามเกมแรกให้ลิเวอร์พูล ในเกมอุ่นเครื่องกับ กลัดบัค เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2010 ส่วนเกมปกติในฤดูกาลดังกล่าว "เจ้าหนูติดจรวด" ใช้เวลาส่วนใหญ่ในทีมเยวชน ก่อนจะประเดิมประตูแรกให้ชุดยู-18 ในแมตช์เจ๊า ฮิเบอร์เนี่ยน 2-2 นับแต่นั้นมา สเตอร์ลิง ก็จับจองตัวจริงให้กับ "หงส์แดง จูเนียร์" มาโดยตลอด โดยมีเพื่อนร่วมก๊วนอย่าง แจ๊ค โรบินสัน, คอนเนอร์ โคดี้, จอห์น เฟลเนแกน, โทนี่ ซิลวา และ ซูโซ่ คอยสนับสนุน 

 
    ซีซั่น 2010-2011 ปีกร่างเล็ก พัฒนาผลงานของตัวเองขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งความแข็งแกร่ง และฝีเท้าที่จัดจ้าน ส่วนเกมที่เข้าตากรรมการมากที่สุดก็คือนัดถล่ม เซาธ์เอนด์ 9-0 ในศึกเอฟเอ ยูธ คัพ ซึ่งนัดดังกล่าว สเตอร์ลิง เหมาคนเดียวถึง 5 ประตู จากนั้นดาวเตะผิวสีเติบโตเต็มที่ กระทั่งเบรนแดน ร็อดเจอร์ กุนซือป้ายแดง ดันแข้งเชื้อสายจาเมก้า ขึ้นมาหาความท้าทายในทีมชุดใหญ่ โดยเจ้าตัวประเดิมเกมแรกในฐานะตัวสำรองในศึกยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือก รอบสาม ที่พบกับ โกเมล 


 
     จากนั้น สเตอร์ลิง ก็ประเดิมประตูแรกในสีเสื้อ "หงส์แดง" ได้อย่างรวดเร็ว ในแมตช์อุ่นเครื่องกับ เลเวอร์คูเซ่น ในวันที่ 23 สิงหาคม 2012 ด้วยลูกยิงสุดสวยจากนอกกรอบเขตโทษ ก่อนจะลงสนามในฐานะตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกที่เสมอแมนฯ ซิตี้ 2-2 ในอีก 3 วันถัดมา หลังจากนั้น "ไอ้หนูมหัศจรรย์" ก็ยึดตัวจริงของทีมมาโดยตลอด โดยมีรุ่นพี่ในทีมอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ หลุยส์ ซัวเรซ คอยประคอง และล่าสุด สเตอร์ลิง ถูก รอย ฮ็อดจ์สัน เรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่พบกับ ยูเครน เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2012
 
     ต่อมาในวัน 21 ธันวาคม 2012 สเตอร์ลิงได้รับการขยายสัญญาอยู่ต่อกับลิเวอร์พูลในอนาคต เขายิงประตูที่สองในลีกให้กับสโมสรได้สำเร็จ ในวันที่ 2 มกราคม 2013 ในเกมที่ชนะ ซันเดอร์แลนด์ไปได้ 3-0 โดยเขาได้ยกบอลข้ามซิมง มิโญเล่ต์ ซึ่งผู้รักษาประตูในตอนนั้น
 
 
     ในวันที่ 27 สิงหาคม 2013 เขาได้เบิกสกอร์แรกในฤดูกาล 2013-2014 จากประตูแรกของเกมในนัดชนะน็อตต์ส เค้าน์ตี้ไปได้ 4-2 ในรายการลีกคัพ
 

ADS