ประวัติ เนย์มาร์

| 01/01/1970 07:00 น. | 24454 Views

แซมบ้าจืด! เนย์มาร์โดนแบนสี่นัดชวดเล่นโคปาตลอดทัวร์นาเมนต์

     เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล หมดสิทธิ์ลงเล่นในโคปา อเมริกา ที่เหลืออยู่ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ หลังมีคำตัดสินให้เจ้าตัวถูกโทษแบนถึง 4 นัดด้วยกัน

     ดาวเตะจากบาร์เซโลนา โดนใบแดงในเกมพบโคลอมเบีย และจะถูกแบนโดยอัตโนมัติทันที 1 นัด ทว่าหลังจากที่สมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ทบทวนกรณีดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงมีการเพิ่มโทษเป็น 4 นัดด้วยกัน

     ขณะที่ คาร์ลอส บัคก้า ซึ่งเป็นคู่กรณีของเนย์มาร์และโดนไล่ออกจากจังหวะดังกล่าวเช่นกัน ถูกโทษแบน 2 นัด โดยทั้งคู่ยังมีสิทธิอุทธรณ์ต่อไป

    ก่อนหน้านี้เนย์มาร์ก็เคยจำต้องโบกมือลาการแข่งขันฟุตบอลโลกกลางคันไปแล้วหนึ่งครั้ง หลังจากที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังจนไม่อาจช่วยทีมต่อไปได้

ประวัติเนย์มาร์ 
 
ชื่อ-นามสกุล : เนย์มาร์ ดา ซิลวา ซานโต๊ส จูเนียร์
วันเดือนปีเกิด : วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1992
สถานที่เกิด : โมกิ ดาส ครูซเซส, บราซิล
ส่วนสูง : 174 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองหน้า
 
ประวัติพอสังเขป 

 
     เนย์มาร์ ปัจจุบัน ย้ายมาค้าแข้งให้กับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า โคตรทีมแห่งลาลีก้า สเปน และเป็นดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีมชาติบราซิลในตอนนี้ เมื่ออายุได้ 19 กองหน้าดาวรุ่ง ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา ประจำปี 2011 หลังจากเคยคว้าอันดับ 3 เมื่อปี 2010 
 
     ในปีเดียวกันนั้น (2011) หัวหอกร่างบาง ยังมีชื่อเข้าชิงบัลลังดอร์ พร้อมกับคว้ารางวัล ฟีฟ่า ปุสกัส อีกด้วย จากนั้น เนย์มาร์ ก็คงความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้ารางวัลดังกล่าวในปีถัดมา จุดเด่นของ เนย์มาร์คือ ความเร็ว, สปีดต้น, ทีมชาติบราซิล ยอมรับแล้วว่า ตนเองจะย้ายจาก ซานโต๊ส ในบ้านเกิด ไปค้าแข้งกับทีม บาร์เซโลน่า ในสเปน หลังจากเนื้อหอมได้รับความสนใจจากหลายทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา…
 
ประวัติส่วนตัว

 
     เนย์มาร์ เกิดที่ โมกี ดาส ครูเซส เซาเปาโล โดยเจ้าตัวเติบโตมาพร้อมกับการรักในการเล่นฟุตซอล และ สตรีทฟุตบอล พ่อของเนย์มาร์คือ เนย์มาร์ ดา ซิลวา ซีเนียร์ อดีตนักฟุตบอล ซึ่งปัจจุบันพ่อของเขา กลายเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว (เอเย่นต์) ของ เนย์มาร์ อีกด้วย
 
     ในปี 1992 เนย์มาร์ ย้ายครอบครัวไปอยู่ ที่ เซา บิเซนเต และเป็นจุดเริ่มของการเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับทีม โปรตูกีซ่า จากนั้นเขาได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของซานโต๊ส ในปี 2003 ก่อนที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่และประเดิมสนามเป็นครั้งแรกในเกมที่ชนะ โอเอสเต้ 2001 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2009 ในขณะที่อายุได้เพียง 17 ปี 
 
     เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2010 เนย์มาร์ สร้างความฮือฮาด้วยการเหมาคนเดียว 5 ประตูในเกมที่ช่วยให้ทีมต้อนตือ กัวรานี่ 8-1 ก่อนที่ ซานโต๊ส จะคว้าแชมป์เปาลิสต้า 2010 ไปครองหลังจากที่ชนะซานโต อังเดร ในรอบชิงชนะเลิศ และศูนย์หน้าพรสวรรค์รายนี้ก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ไปครอง เมื่อทำได้ถึง 14 ประตูจาก 19 เกม 


 
     ในเดือน มิ.ย. 2010 ซานโต๊ส ได้ปฏิเสธข้อเสนอ 12 ล้านปอนด์ (540 ล้านบาท) จากเวสต์แฮมแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง แต่ต่อมาไม่นานก็มีข่าวว่าเรอัล มาดริด ได้ตกลงเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ เรนาโต้ โรดริเกซ เอเย่นต์ของเนย์มาร์แล้ว ทว่า ซานโต๊ส ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด 
 
     หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับเนย์มาร์ อย่างต่อเนื่อง ซานโต๊ส ก็ตัดสินใจที่จะจับกองหน้าตัวเก่งต่อสัญญากับสโมสรไปจนถึงเดือนธ.ค. 2014 พร้อมกับตั้งค่าตัวไว้ที่ 30 ล้านยูโร (ราว 1,280 ล้านบาท) 

     ขณะที่ เนย์มาร์ ยืนยันว่าตนขอมีสมาธิกับการเล่นให้ต้นสังกัดเท่านั้น แต่เอเย่นต์ของเขากลับอ้างว่าหัวหอกเนื้อหอมรายนี้ต้องการจะย้ายไปค้าแข้งในยุโรป  ณ เวลานี้ อนาคตของเนย์มาร์ ยังคงคลุมเครืออยู่ก็จริง แต่ดาวโรจน์แห่งวงการลูกหนังคงจะไม่หยุดอยู่แค่ในลีกบราซิลเป็นแน่แท้ รอลุ้นเพียงแค่ว่าทีมไหนจะโชคดีได้หัวหอกพรสวรรค์สูงรายนี้ไปร่วมทีมเท่านั้น  

 
     วันที่ 24 พ.ค. 2013 ซานโต๊ส ออกมาประกาศว่าได้รับข้อเสนอซื้อตัวเนย์มาร์ จากสองสโมสร ซึ่ง 3 วันถัดมาดาวยิงทีมขาติบราซิลก็ตกลงไปย้ายไปร่วมทัพบาร์เซโลน่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2013 ด้วยสัญญาระยะยาว 5 ปี โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2013 หลังจากผ่านการตรวจร่างกายกับทางทีมแพทย์

     ส่วนเรื่องค่าตัวการย้ายทีม อยู่ที่ราว 48.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2187 ล้านบาท) นับเป็นค่าตัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 9 ในประวัติศาสตร์การซื้อขายผู้เล่น พร้อมกับค่าฉีกสัญญา 190 ล้านยูโร (7600 ล้านบาท)
 
ประวัติทีมชาติ
 
     สำหรับผลงานในทีมชาติ เนย์มาร์ ติดทีมบราซิลชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ในศึกชิงแชมป์โลกยู-17 เมื่อปี 2009 ซึ่งเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ จนถึงขั้นที่เปเล่ และ โรมาริโอ อดีตสองตำนานแข้งแซมบ้า ออกมาแนะให้ ดุงก้า กุนซือทีมบราซิลชุดใหญ่ หนีบเนย์มาร์ ไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากสื่อและแฟนบอล แต่สุดท้าย ดุงก้า ก็เลือกที่จะไม่ใส่ชื่อกองหน้าซานโต๊สไปลุยศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศแอฟริกาใต้ เนื่องจากมองว่ายังขาดประสบการณ์ในเกมระดับชาติ 

 
     ทว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2010 มาโน เมเนเซส โค้ชคนใหม่ของทีมเซเลเซา ก็ให้โอกาส เนย์มาร์ ได้ติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในเกมอุ่นเครื่องกับสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ปีเดียวกัน โดยเขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงและสามารถทำประตูได้ทันทีในนาทีที่ 28 ก่อนจะช่วยให้บราซิลคว้าชัยไป 2-0 หลังจากนั้น เนย์มาร์ ก็เหมาคนเดียว 2 ประตูในเกมที่พบกับ สกอตแลนด์ ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
 
     จากนั้น เนย์มาร์ ได้สร้างชื่อในศึกโอลิมปิก ที่สหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2012 ซึ่งแฟนบอลจากแดนกาแฟต่างคาดหวังกับทีมชุดนี้เป็นอย่างสูงว่าจะสามารถก้าวไปคว้าเหรียญทองให้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากจวนเจียนอยู่หลายสมัย

     ทว่า "แซมบา" ก็ยังคงไปไม่ถึงดวงดาวอีกครั้ง ด้วยการพ่ายต่อคู่รักคู่แค้นอย่างเม็กซิโก 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น ถึงแม้เนย์มาร์ จะโชว์เพลงแข้งได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำไป 4 ลูกตลอดทัวร์นาเมนต์ก็ตาม 


 
     อย่างไรก็ตาม กองหน้าดาวรุ่งยังคงพัฒนาการเล่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนมาระเบิดฟอร์มสุดยอดอีกครั้งในศึกคอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ โดยทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว เนย์มาร์ ยังได้สวมเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งเป็นเลขในตำนานของ "ไข่มุกดำ" เปเล่ และเจ้าตัวก็สามารถพาทีมเถลิงแชมป์เอาฤกษ์เอาชัยก่อนมหกรรมฟุตบอลโลกในกลางปีหน้า ด้วยการไล่ถล่มสเปน 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ อีกทั้งเนย์มาร์ ยังได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำศึกคอนเฟดฯ อีกต่างหาก 

ADS