ประวัติ ราดาเมล ฟัลเกา

| 01/01/1970 07:00 น. | 2682 Views

เนื้อหอม! 4 ทีมดังรุมจีบ ฟัลเกา ร่วมทัพช่วงปีใหม่

     สื่อเมืองผู้ดีตีข่าว 4 ทีมดังยุโรปสนใจคว้าตัว ราดาเมล ฟัลเกา ไปร่วมทัพในช่วงเดือนมกราคมนี้

     tribalfootball สื่อกีฬาชื่อดังของประเทศอังกฤษรายงานข่าวว่า 4 สโมสรดังของยุโรป ให้ความสนใจดึงตัว ราดาเมล ฟัลเกา กองหน้าของ เชลซี ไปร่วมทีมในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้

     กองหน้าทีมชาติโคลอมเบีย ย้ายจาก โมนาโก มาอยู่กับทีมสิงโตน้ำเงินครามด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลนี้ แต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามเท่าที่ควร ทำให้มีข่าวว่าเจ้าตัวเริ่มไม่มีความสุขกับสนการณ์ของตัวเองในปัจจุบัน

     จากรายงานระบุว่า จอร์จ เมนเดส เอเยนท์คู่ใจของ ฟัลเกา ได้รับการติดต่อจาก บียาร์รีล, ปอรโต้ และ ฟิออเรนตินา เพื่อหวังดึงตัวดาวยิงรายนี้ไปร่วมทัพ

     และล่าสุดมีรายงานว่า อังเดร วิลลาส-โบอาส กุนซือของ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ก็ให้ความสนใจหัวหอกโคลอมเบียนรายนี้เช่นกัน

ชื่อเต็ม : ราดาเมล ฟัลเกา การ์เซีย ซาราเต้
วันเกิด : เกิด 10 กุมภาพันธ์ 1986 (อายุ 28 ปี)
เกิดที่ : ซานต้า มาร์ต้า , ประเทศโคลอมเบีย
สัญชาติ : โคลอมเบีย
ส่วนสูง : 177 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองหน้า
สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ประวัติการค้าแข้ง

แลนเซรอส โบยาก้า 

     ราดาเมล ฟัลเกา เริ่มค้าแข้งให้กับทีม แลนเซรอส โบยาก้า ในลีกบ้านเกิด ก่อนจะถูก ริเวอร์ เพลท ทีมดังจากลีกอาร์เจนติน่าคว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2005 เขาได้ค้าแข้งอยู่สโมสรแห่งนี้และเริ่มสร้างชื่อเสียงให้กับจนเอง จนไปเข้าตา เอฟซี ปอร์โต้ เจ้าแห่งโปรตุเกส ที่จับเขามาปลุกปั้นเป็นเพชรเม็ดงามในเวทียุโรป ฟัลเกา ลับฝีเท้าจนขึ้นมาเป็นกองหน้าอันดับต้นๆ ของโลกจนมีสโมสรยักษ์ใหญ่ตามจีบอยู่หลายทีม แต่สุดท้ายเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่คว้าตัวเขาไปได้ในปี 2011 ก่อนจะถูกเศรษฐีหน้าใหม่อย่าง โมนาโก ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อดึงตัวเขามาร่วมทีม



ริเวอร์ เพลท

     ริเวอร์ เพลท ดึง ฟัลเกา มาร่วมทัพด้วยค่าตัวเพียง 5 แสนดอลลาร์ เลโอนาร์โด อาสตราด้า กุนซือของทีม ได้ให้โอกาส ฟัลเกา ลงสนามนัดแรกในนัดที่ ริเวอร์ เพลท แพ้ให้กับ ยิมเนเซีย 1-2 

     ฟัลเกา ขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้ในปี 2005 และเริ่มประเดิมแบบสวยๆ ด้วยการยิงเบิ้ลใส่ อินดิพิเดนเต้ ทำให้ ริเวอร์เพลท ชนะไป 3-1 จนในที่สุดเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม โดยได้รับความใว้วางใจจาก ไรนัลโด้ เมอร์โล่ กุนซือของ ริเวอร์เพลท ในเวลานั้น ฟัลเกาทำประตูได้อย่างต่อเนื่องภายใต้ต้นสังกัดใหม่พาทีมประสบความสำเร็จมากมายก่อนจะย้ายไปค้าแข้งในยุโรปกับ เอฟซี ปอร์โต้

 



เอฟซี ปอร์โต้

     ฟัลเกา ย้ายมาค้าแข้งที่ยุโรปเป็นครั้งแรก กับ เอฟซี ปอร์โต้ โดย ปอร์โต้ ได้ซื้อเขามาด้วยราคา 4 ล้านยูโร หลังจากที่สโมสรได้ปล่อย ลิซานโดร โลเปซ ศูนย์หน้าตัวเก่งให้กับ โอลิมปิก ลียง เเละ ฟัลเกา ก็ไม่ทำให้ต้นสังกัดใหม่ผิดหวัง เขาทำประตูได้อย่างต่อเนื่องและทดแทนการจากไปของ โลเปซ ได้เป็นอย่างดี 

      เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงในระดับทวีปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำแฮตทริกในเกมที่พาทีมอาชนะ ราปิด เวียนนา ในการแข่งกัน ยูโรป้าลีก และบุกไปยิงแฮตทริกใส่ สปาร์ตัก มอสโก ได้ถึงถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมากๆ ในการไปเยือนแผ่นดินรัสเซีย ในปีนั้น ฟัลเกา ยิงสลุตจนพา ปอร์โต้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ในฤดูกาล 2010-2011 และฟัลเกาก็ได้รับรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์ แถมพ่วงด้วยการทำลายสถิติของ เจอร์เก้น คลิ้นส์มัน อีกด้วย ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาเป็นที่ต้อการตัวจากหลายๆ สโมสรและสุดท้ายก็เป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ได้ตัวเขาไป

 



แอตเลติโก้ มาดริด

       วันที่ 18 สิงหาคม 2011 เอฟซี ปอร์โต้ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ราดาเมล ฟัลเกา ได้ย้ายไปร่วมทีม แอตเลติโก มาดริด แล้วด้วยราคาถึง 40 ล้านยูโร ทำให้เขาทำลายสถิตินักเตะราคาแพงที่สุดของ แอตเลติโก มาดริด ในทันที  เขาลงเล่นให้กับต้นสังกัดใหม่นัดแรกในเกมที่แพ้ บาเลนเซีย 0-1 หลังจากเกมนั้นเขาใช้เวลาไม่นาน ฟัลเกาจัดการประเดิมประตูแรกในเกมที่ชนะ อูดิเนเซ่ 4-0 ในศึกยูโรป้าลีก นั่นทำให้สถิติการทำประตูในศึกยูโรป้าลีกของเขาเพิ่มขึ้นเป็น ยิง 19 ประตู จากการลงเล่น 18 นัด การค้าแข้งให้กับทีมตราหมีเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อยๆหลังจากเวลาผ่านไป และอีกไม่นานเขาก็เบิกแฮตทริกแรกกับตราหมีได้สำเร็จ ในนัดที่ชนะ เรอัล โซเซียดาด ไป 4-0 ในที่สุดเขาก็พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ ยูโรป้าลีก ในฤดูกาล 2011-2012 และเจ้าตัวยังคว้ารางวัลดาวซัลโวในรายการนี้ 2 ฤดูกาลติดๆกันอีกด้วย

     2012-2013 ฟัลเกา เปิดหัวฤดูกาลได้อย่างสุดยอดด้วยการซัดแฮตทริกในเกมลาลีก้า 2 นัดแรก ก่อนจะต่อเนื่องความโหดในเกม ยูฟ่าซุปเปอร์คัพที่ถล่ม เชลซี แชมป์ยูฟ่าเเชมเปี้ยนส์ลีก แบบเละเทะ 4-1 และเหมือนเช่นเดิมในฤดูกาลนี้ เขายังรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง จนช่วยให้ตราหมีกวาดแชมป์ โคปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่

 


โมนาโก

     วันที่ 31 พฤษภาคม โมนาโก ตัดสินใจทุ่มเงิน 60 ล้านยูโรเพื่อเป็นค่าตัวให้กับ ราดาเมล ฟัลเกา โดยเซ็นสัญญาทั้งหมด 5 ปี และมอบค่าเหนื่อยระดับ 250,000 ยูโรต่อสัปดาห์ โดย ฟัลเกา เคยกล่าวไว้ ณ เวลานั้นว่า "นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้ง" โดยเขายังได้กล่าวเพิ่มเติมว่านี่เป็นการเดินตามรอยเท้าของ เธียร์รี่ อองรี ไอดอลของเขา ส่วนการลงเล่นในนัดแรกของเขากับโมนาโกนั้นเกิดขึ้นในเกมที่ชนะ 2-0 บอร์กโดซ์ และเขาก็จัดการเบิกสกอร์แรกในทันทีในนาทีที่ 88 แม้จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมแต่เขาก็ต้องรูดม่านฤดูกาล 2013-2014 ตั้งแต่เดือนมกราคมหลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องพลาดร่วมทัพ โคลอมเบีย ชุดลุยศึกฟุตบอลโลกที่บราซิล

 

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

     วันที่ 1 กันยายน 2014 แมน ยูไนเต็ด ได้ตกลงเซ็นสัญญายืมตัว ฟัลเกา จากโมนาโก เป็นเวลา 1 ซีซั่น ที่มูลค่า 6 ล้านปอนด์ พร้อมออปชั่นซื้อตัวถาวรที่ราคา 55 ล้านปอนด์

 

 

ระดับชาติ

     ฟัลเกา ติดทีมชาติ โคลอมเบีย ตั้งแต่ชุด ยู 17 และ ยังติดทีมชุดยู 20 ที่พาทีมได้เเชมป์ เซาท์ อเมริกัน ยูธ แชมเปี้ยนส์คัพ อีกด้วย

     สำหรับทีมชุดใหญ่ ฟัลเกา ติดทีมชาตินัดแรกในเกมที่พบกับ มอนเตเนโกร ในศึก คิริน คัพ ที่ญี่ปุ่น ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 21 ปี จากนั้นเรื่อยมาเขาก็ติดทีมชาติมาโดยตลอดหากไม่ได้รับบาดเจ็บเขาสามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมแน่นอน เขาติดทีมชุดลุยศึก โคปา อเมริกา ฟุตบอลโลก 2014 (รอบคัดเลือก)  แม้จะพลาดการลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิล แต่ทีมชาติโคลอมเบียของเขาก็ยังสามารถทำผลงานได้อย่างประทับใจแฟนๆด้วยการไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะพ่ายเจ้าภาพบราซิลไปในการดวลจุดโทษ ซึ่งก็น่าคิดหากว่าโคลอมเบียมีเขายืนเป็นศูนย์หน้าทีมโคเคนจะไปได้ไกลกว่านี้ขนาดไหน

 

ADS