ประวัติ ไมเคิล คาร์ริค
ไมเคิล คาร์ริค กองกลางชาวอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงทรรศนะหลังเกมที่เปิดบ้านถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส 3-0 ว่าเป็นฟอร์มที่เกิดจากความมั่นใจของทุกๆ คนในทีมปีศาจแดง พร้อมชี้ว่านี่คือการเรียกความเชื่อมั่นก่อนที่จะออกไปเยือน ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์นี้
"ผมคิดว่านี่คือฟอร์มที่ดีสุดของเราในฤดูกาลนี้ มันเป็นเกมที่สำคัญมาก เราบุกกดดันได้ดีมาก เราคอนโทรลเกมไว้ได้หมด และมีสมดุลที่ดี"
"เราคุมจังหวะได้ดีมาก โจมตีด้วยความเร็ว และลงโทษพวกเขาได้ยามที่เราบุกไปข้างหน้า ยามที่ต้องครองเกมไว้เราก็ทำได้ดี เรามีบาลานซ์ทั้งทีม"
"เราทำได้ครบเครื่องในการเล่นคืนนี้ ผลการแข่งขันบอกไว้หมดทุกอย่างแล้ว นี่คือการเตรียมตัวที่ดีในการไปเยือน แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์นี้ ทุกๆ เกมล้วนมีความสำคัญ และความมั่นใจของเราก็มีมากด้วย"
"ท็อตแน่ม เป็นทีมที่ดี เรารู้แต่แรกแล้วก่อนจะลงสนาม ที่สุดเราเอาชนะพวกเขาได้และเก็บ 3 แต้ม"
"ชัยชนะในเกมนี้คือก้าวที่สำคัญของเรา ผมคิดว่าพวกเราทุกคนกำลังท็อปฟอร์มและมั่นใจอย่างสุดขีด และพร้อมแล้วสำหรับเกมต่อไปที่จะมาถึง"
ถ้าพูดถึงทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบนเกาะอังกฤษคงหนีไม่พ้น ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหากพูดถึงคนที่เป็นตัวขับเคลื่อนหรือคอยคุมจังหวะบอลในทีมชุดนี้ก็คงต้องพูดถึง ไมเคิล คาร์ริคคาร์ริค เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 ที่ วอลล์เซนด์ ,อังกฤษ ในวัยเด็กเขาเป็นแฟนตัวยงของสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และเขาเริ่มเลยฟุตบอลกับสโมสร วอลล์เซนด์ บอยส์ คลับ ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี ฟุตบอลเริ่มครอบงำเขาได้อย่างเต็มตัว จนเขาถูกส่งโปรไฟล์การเล่นไปให้สำนักข่าวบีบีซีและได้ออกอากาศในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1995 จึงทำให้อคาเดมี่ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ดึงตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งตอนนั้น คาร์ริค ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าคาร์ริค เป็นส่วนหนึ่งของทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ชนะเลิศรายการเอฟเอ ยูธ ในฤดูกาล 1998/99 โดยเขาสามารถยิงได้ 2 ลูกในนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ โคเวนทรี ซิตี้ 9-0 และการเริ่มต้นนักเตะอาชีพของเขามีปัญหาเพราะเขาบาดเจ็บไปถึง 2 ปีเต็มแต่เขาก็สามารถพื้นตัวได้อย่างรวดเร็วทำให้เขาได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เกมแรกในเกมที่เสมอ โจเคอริท 1-1 ในรายการ อินเตอร์โตโต้ คัพ เมื่อ 24 กรกฎาคม 1999 ต่อมาอีก 5 สัปดาห์ในวันที่ 24 สิงหาคม เขาถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในเกมที่สามารถเอาชนะ แบรดฟอร์ด 3-0ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 1999 คาร์ริค ถูกส่งตัวให้ สวินดอน ทาวน์ ยืมตัวไปและลงเล่นครั้งแรกในเกมที่เสมอกับ นอริช ซิตี้ 0-0 และเขาทำประตูแรกในอาชีพนักฟุตบอลได้ในเกมที่เอาชนะ ชาร์ลตัน 2-1 เมื่อ 23 พฤศจิกายนในกุมภาพันธ์ 2000 เขาถูกส่งให้ยืมอีกครั้งต่คราวนี้เป็น เบอร์มิงแฮม ซิตี้ แต่เขาก็ได้ลงเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น และเขาก็กลับมาถิ่น อัพตัน ปาร์ค อีกครั้ง ต่อมาประตูแรกที่เขาทำให้กับเวสต์แฮม เกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะ โคเวนทรี 5-0 ในวันที่ 22 เมษายน และในฤดูกาลแรกของเขากับทีมชุดใหญ่ขุนค้อนเขาก็ได้รับเลือกเป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมฤดูกาล 2000/01 คาร์ริค ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีม โดยเขาลงเล่นไปทั้งหมด 41 เกม เป็นในลีก 33 เกม และทำได้ประตูเดียวในเกทที่เสมอกับ แอสตัน วิลล่า 1-1 เมื่อ 9 ธันวาคม 2000ต่อมาเขาได้ทำการต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปจนถึงปี 2005 และวันที่ 20 เมษายน 2001 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง โจ โคล แต่ในที่สุด สตีเว่น เจอร์ราร์ด นักเตะลิเวอร์พูลก็คว้ารางวัลนี้ไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังได้รับเลือกเป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันฤดูกาล 2001/02 คาร์ริค ลงเล่นให้ เวสต์แฮม ไป 32 เกม อีกทั้งยังทำได้ 2 ประตูในฤดูกาลนี้ ประตูแรกของเขาเกิดขึ้นในเกมที่แพ้ แบล็คเบิร์น 1-7 ในวันที่ 14 ตุลาคม และประตูที่ 2 ทำได้ในอีก 10 วันต่อมากับเกมที่เอาชนะเชลซี 2-1 ในช่วงท้ายฤดูกาลนี้เขามีอาการบาดเจ็บบริเวณโคนขาหนีบรบกวนจนทำให้ไม่ติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีฤดูกาล 2002/03 แฟนๆของ เวสต์แฮม เกือบจะลืมชื่อของ ไมเคิล คาร์ริค ไปแล้ว เนื่องจากเขามีอาการบาดเจ็บรบกวนมาตลอดฤดูกาล และสุดท้าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต้องตกชั้นจากลีกสูงสุดไปในตอนจบฤดูกาล แทนที่จะย้ายออกจากทีมตามเพื่อนร่วมทีมอย่างโจ โคล, เฟรดี้ คานูเต้ และเจอร์เมน เดโฟ แต่เขากลับขออยู่ช่วยทีมต่อไปฤดูกาล 2003/04 เวสต์แฮม จบอันดับที่ 4 ของตาราง และทำให้ต้องเตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่สุดท้ายต้องอกหัก เพราะแพ้ให้กับ คริสตัล พาเลซ 0-1 ในรอบชิงของการเพลย์ออฟ ทำให้ คาร์ริค เริ่มอยากจะย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกต่อมาเขาเป็นที่จับตามองจากหลายๆทีมในพรีเมียร์ลีก เช่น ปอร์ตสมัธ ,อาร์เซนอล ,เอฟเวอร์ตัน ,เวสต์บรอมวิช และ คริสตัล พาเลซ ก่อนที่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จะตัดหน้าทุกทีมคว้าลายเซ็นของเขาไปได้สำเร็จเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม สเปอร์ส บรรลุข้อตกลงกับทาง เวสต์แฮม ด้วยเงิน 3,500,000 ปอนด์ ทำให้ ไมเคิล คาร์ริค ย้ายมาซบสเปอร์ส ในที่สุด ต่อมาคาร์ริคลงเล่นกับทีมสำรองนักแรกเขาก็สามารถทำประตูได้เลยแต่ในทีมชุดใหญ่เขากลับโชคร้ายเมื่อ วันที่ 14 กันยายน เขาได้รับบาดเจ็บทำให้การเปิดตัวในชุดใหญ่ต้องเลื่อนออกไปก่อน และนัดแรกของเขาก็มาถึงเมื่อเขาสวมเสื้อหมายเลข 23 และถูกเปลี่ยนตัวลงไปในเกมที่พ่ายต่อ ปอร์ตสมัธ 0-1ถึงแม้เขาจะกลับมาฟิตสมบูรณ์เต็มที่แล้วแต่ ฌาคส์ ซานตินี่ กุนซือในขณะนั้น ก็ยังมองข้ามเขาไป เนื่องจากเขามองว่า คาร์ริค ถูกซื้อมาโดย แฟรงค์ อาร์เนเซน ซึ่งเป็นผู้บริหารทีมมากกว่าการตัดสินใจของเขาแต่หลังจากการจากไปของ ฌาคส์ ซานตินี่ สเปอร์ส ก็แต่งตั้งให้ มาร์ติน โยล เข้ามารับหน้าที่แทน และในไม่ช้า ไมเคิล คาร์ริค ก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในแผงกองกลางในทีมของ โยล โดยเกมแรกอย่างเป็นทางการของเขาเริ่มจากวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 ซึ่งเกมนั้นเขาช่วยจ่ายให้ ร็อบบี้ คีน ยิงอีกด้วยวันที่ 18 ธันวาคม เขามีส่วนสำคัญในการช่วยทีมให้ชนะเซาแธมป์ตัน 5-1 และเขาสิ้นสุดฤดูกาลด้วยการลงสนามไป 29 นัด แต่ถึงอย่างไร สเปอร์ส ก็จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9 ของตาราง พลาดตั๋วไปลุย ยูฟ่า คัพ อย่างน่าเสียดายต่อมาในวันที่ 3 ธันวาคม 2005 คาร์ริค สามารถเปิดประตูแรกของเขาให้กับ สเปอร์ส ได้ ในเกมที่เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-2 และต่อมาเขาทำประตูที่ 2 ของตัวเขาเองให้กับ สเปอร์ส ได้ในวันที่ 8 เมษายน 2006 กับเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1วันที่ 22 เมษายน คาร์ริค ได้รับการยกย่องในฟอร์มการเล่นที่สามารถช่วยทีม ในเกมดาร์บี้ แมตช์ ลอนดอนเหนือ ที่เสมอกับ อาร์เซน่อล 1-1 และในวันที่ 7 พฤษภาคม คาร์ริค เป็น 1 ใน 10 คนของ สเปอร์สที่ต้องเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากอาหารเป็นพิษ ก่อนเกมสุดท้ายของฤดูกาล ที่จะเจอกับ เวสต์แฮมแต่เขาก็ลงช่วยทีมในการเจอสโมสรเก่าของเขาไป 63 นาที และสุดท้าย สเปอร์ส ก็เอาชนะไปได้ 2-1 สุดท้าย สเปอร์ส ก็ไม่ได้อันดับ 4 ของตาราง ทำให้ไม่ได้ไปเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก แต่ คาร์ริค ก็มีการพัฒนามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงฤดูกาล 2005/06จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ไมเคิล คาร์ริค ถูกทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอไปให้เพื่อจะให้เขาไปเป็นตัวตายตัวแทนของ รอย คีน แต่ มาร์ติน โยล กลับปฏิเสธและบอกไปว่าเขาไม่ต้องการเสียผู้เล่นที่ดีที่สุดไปจากทีมแต่ในวันที่ 28 กรกฏาคม สเปอร์ส ได้ออกมาประกาศว่าสโมสรตกลงขาย ไมเคิล คาร์ริค ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์ และอาจจะเพิ่มเป็น 18.6 ล้านปอนด์หากทำผลงานได้ดี ซึ่งเขาจะมีค่าตัวแพงเป็นอันดับที่ 6 ของสโมสร และเขาได้รับเสื้อหมายเลข 16 ที่เคยเป็นของ รอย คีนไมเคิล คาร์ริค เปิดตัวให้กับผีแดง ในเกมอุ่นเครื่องในวันที่ 4 สิงหาคม ที่เจอกับ ปอร์โต้ ซึ่งสามารถเอาชนะไปได้ 3-1 แต่เขากลับต้องพลาดการลงเล่นในช่วงแรกของฤดูกาล เนื่องจากได้รับอาการบาดเจ็บที่เท้า ในเกมที่เจอกับอาแจ็กซ์หลังจากที่เขาหายเจ็บ คาร์ริค ได้ลงเล่นอย่างเป็นทางการเกมแรก เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ในเกมที่ชนะ ชาร์ลตัน 3-0 และอีก 3 วันถัดมาเขาได้ลงเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมที่เอาชนะ วัตฟอร์ด 2-1ในฤดูกาลแรก ของเขากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเขาสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ทันที ตั้งแต่ย้ายมาฤดูกาลแรกฤดูกาล 2007/08 ไมเคิล คาร์ริค ยอมรับว่าเขาหวั่นใจกับการที่ทีมซื้อ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ และ แอนเดอร์สัน มาร่วมทีม แต่เดือน ตุลาคม 2007 เขาก็ได้รับบาดเจ็บ ข้อศอก ในเกมกับโรม่า ในแชมเปี้ยส์ลีก ทำให้เขาต้องพักถึง 6 สัปดาห์ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นตัวหลักของทีมต่อไปในสุดท้ายเขาสามารถยิงได้เพียง 2 ประตูในฤดูกาลนี้ แต่ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาก็ทำให้ทาง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต่อสัญญาเขาไปอีก 5 ปี ซึ่งจะทำให้เขาอยู่กับทีมอย่างน้อยไปถึง มิถุนายน 2012 จนสุดท้ายของฤดูกาลเขาสามารถพาทีมคว้าทั้งแชมป์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกของชีวิตเขาได้อีกด้วยฤดูกาล 2012/13 ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ ไมเคิล คาร์ริค สามารถทำผลงานได้อย่างสุดยอด จนทำให้ เดือน เมษายน 2013 คาร์ริค ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี แต่สุดท้ายต้องพลาดให้ แกเร็ธ เบล ไป แต่ถึงอย่างไร คาร์ริค ก็ยังคงมีชื่อติด ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก และยังได้รับการโหวตจากแฟนบอลผีแดงให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรอีกด้วยฤดูกาล 2013/14 ไมเคิล คาร์ริค เป็นตัวชูโรงในแดนกลางของ แมน ฯ ยูไนเต็ด ในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้าหากเกมไหนไม่มีชื่อเขาลงสนามการเคลื่อนบอลของทีมจะมีปัญหาในทันที เขาจึงกลายเป็นผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง