ประวัติ ยาย่า ตูเร่

| 01/01/1970 07:00 น. | 3955 Views

 

Yaya Toure Manchester City Lionel Messi Barcelona Champions League 02182014

 

     ยาย่า ตูเร มิดฟิลด์คนสำคัญของแมนฯ ซิตี้ ยอมรับ หวั่นโดน ลิโอเนล เมสซี สร้างความอับอายต่อครอบครัวของเขาที่เข้ามาชมเกมด้วยการใช้สกิลลอดขาใส่ ในระหว่างเกมดวลบาร์เซโลนา ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีม เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

 

     เรือใบสีฟ้าพบกับอาซูลกรานาในรอบน็อคเอาท์บอลยุโรปเป็นปีที่สองติดต่อกัน และพ่ายไปตามระเบียบด้วยสกอร์รวม 2 นัด 1-3 ก่อนที่ยอดทีมจากสเปนจะเข้าไปคว้าแชมป์ในบั้นปลาย

 

     "เราเล่นกับบาร์เซโลนาในแชมเปียนส์ลีกเมื่อปีก่อน ความจริงคือเราเจอกับพวกเขามาตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เกมในปีก่อนเขาแกล้งพูดอำในห้องแต่งตัวว่าเขาจะแตะลอดขาผม" ตูเร่ผู้น้อง กล่าวกับ BT Sport 

 

     "ผมเห็นเขาแตะลอดขาเพื่อนร่วมทีมของผม 2 คน และคิดว่าเขาคงทำกับผมเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเขาเข้ามาใกล้ผม ผมจึงตะโกนใส่เขาว่า ได้โปรดอย่าทำกับฉันนะ อย่าแตะลอดขาฉัน ผมกลัวว่าเขาจะทำให้ผมต้องอับอายต่อหน้าครอบครัวของผม"

ชื่อ : ยาย่า ตูเร่
สัญชาติ : ไอวอรี่ โคสต์
วันเกิด : 13 พฤศภาคม 1983 
สูง : 191 ซม.
น้ำหนัก : 90 กก.
ตำแหน่ง : กองกลาง 
สโมสรปัจจุบัน : แมนฯ ซิตี้
หมายเลขเสื้อ : 42 
 
ตูเร่ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับเอเอสอีซี มิโมซาส ในปี 1996 ก่อนที่ปี 2003 ดาวเตะผิวสี จะย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆในยุโรป กับสโมสร เบเวเร่น เบลเยียม ด้วยสัญา 2 ปีครึ่ง จากนั้น ยาย่า มีโอกาสไปทดสอบฝีเท้ากับ อาร์เซน่อล และได้ลงประเดิมสนามในเกมเจอบาร์เน็ต โดยเล่นเป็นหน้าต่ำ ซึ่งเจ้าตัวได้รับคำชมอย่างมากจากอาร์แซน เวนเกอร์ แต่น่าเสียดายที่ เวนเกอร์ ซิวตัว ตูเร่ มาร่วมทีมไม่ได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องใบอนุญาติทำงาน ส่งผลให้ดาวรุ่งไอวอรี่โคสต์ ตัดสินใจไปอยู่กับ เมตาลูร์ก โดเนตส์ก ทีมดังจากยูเครน 

 
ความโดดเด่นของตูเร่ เริ่มฉายแวว  เมื่อได้ย้ายมาเล่นกับ โอลิมเปียกอส ทีมดังของกริซในปี 2005 และแจ้งเกิดอย่างสวยงามจนได้รับสมญานามว่า"นิว วิเอร่า"โดยที่พี่ชาย โคโล่ ตั้งให้เอง จากนั้นมา ยาย่าได้มีโอกาสโชว์ฝีเท้าในฟุตบอลโลก แม้จะตกรอบแรกอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นในลีกเอิง ฝรั่งเศส กับสโมสรโมนาโก ถึงจะได้อยู่แค่ปีเดียวแต่ก็ทำผลงานได้ดี จนยักษ์ใหญ่แห่งสเปนอย่าง บาเซโลน่า ซื้อตัวไปร่วมในฤดุกาลต่อมา ด้วยค่าตัว 9 ล้านยูโร
 
 
ยาย่า โอกาสลงเล่นนัดแรกฤดูกาล 2007-2008 พบกับราซิ่ง ซานต้าเดร์ ก่อนค่อยๆแทรกตัวเป็นตัวจริงในที่สุด หลังจากนั้นชีวิตของยาย่าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงในปี 2008-0009 เมื่อ บาซ่า ได้โค้ชคนใหม่ เป๊ป กัวร์ดิโอร่า ที่ดูจะชื่นชอบ เซจิโอ บุสเกตส์กองกลางของสโมสรมากกว่าทำให้ ยาย่า ไม่ค่อยได้ลงสักเท่าไหร่ แต่ยาย่าก็มีส่วนทำให้ บาซ่า ได้3 แชมป์ โดยลงเล่นกองหลังตัวกลางในช่วงที่ผู้เล่นอื่นบาดเจ็บและกลายเป็นปีที่ยาย่าประสบผลสำเร็จแม้จะไม่ได้เป็นเสาหลักของทีมก็ตาม
 
 
    ในฤดู2009-2010 ห้องเครื่องร่างใหญ่ ไม่ค่อยได้มีโอกาสเล่นมากนัก และได้รับข่าวร้ายว่าให้ย้ายทีมได้ในช่วง ซัมเมอร์ แต่ก็กลายให้เป้นโอกาสของพี่น้อง ตูเร่ ได้กลับมาอยู่ด้วยกันครึ่งแรกของฟุตบอล เมื่อ แมนฯ ซิตี้ทุ่มเงิน 24 ล้านปอนด์เป็นค่าฉีกสัญญา และได้ค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายให้ทีมแมมนซิตี้เลื่อนชั้นกลายเป็นทีมชั้นนำให้ได้

 
ฤดูกาล 2010-11 ตูเร่ เซ็นสัญญา 5 ปี กับ "เรือใบสีฟ้า" พร้อมกับได้สวมเสื้อหมายเลข 42 ก่อนประเดิมเกมแรกในวันที่ 14 สิงหาคม 2010 ในเกมเจ๊าสเปอร์ส 0-0 ที่ไวท์ ฮารท์ เลน จากนั้น กองกลางเชิงสูง โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดถล่มลิเวอร์พูล 3-0 ในเอติฮัด และเกมถัดมา ตูเร่ เบิกประตูแรกให้ตัวเองในพรีเมียร์ลีก ในนัดเจอกับวีแกน ทั้งนี้ ตูเร่ ได้เล่นบทบาทเกมรุกมากขึ้นภายใต้ต้นสังกัดใหม่ และมีประตูสวยๆมาฝากหลายลูกในซีซั่นแรก แถมพาต้นสังกัดใหม่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ หลังจากเอาชนะ สโต๊ค 1-0 หยุดสถิติไร้โทรฟี่ 35 ปีลงได้สำเร็จ 
 
ซีซั่น 2011-12 แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัว ส่วนยาย่า ก็เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลาง "เรือใบสีฟ้า" อีกทั้งเจ้าตัวได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกัน ในปี 2011 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทีมจากแมนเชสเตอร์ กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในศึกยูซีแอล เมื่อพวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่ม และได้ลงมาเล่นเพียงรายการยูโรป้า ลีก ทว่า ยาย่า สามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ซึ่งเกมชนะควีนส์ปาร์ค 3-2 ถือเป็นไฮไลท์ประจำฤดูกาล เมื่อ "กุน" อเกวโร่ ยิงประตูในช่วงวินาทีสุดท้าย ช่วยให้ "เรือใบสีฟ้า" เถลิงแชมป์ลีกสูงสุดปาดหน้า "ปิศาจแดง" อริร่วมเมือง เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี 

 
ส่วนในปีถัดมา ตูเร่ เปิดฉากด้วยการพาทีมชนะเชลซี 3-2 และตัวเองก็ยิงได้ 1 ลูก ในศึกคอมมูนิตี้ชิลด์ ขณะที่ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ซิตี้ บุกไปพ่ายเรอัล มาดริด 2-3 ถึงแม้จะแพ้ แต่ ตูเร่ ก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งน่าเสียดาย ที่มาโดนประตูชัยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วงท้ายเกม จากนั้นมาตรฐานการเล่นของ ยาย่า ก็ยังยอดเยี่ยม และหยิบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกัน ไปอีกหนึ่งสมัย อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลเป็นปีที่น่าผิดหวังของ แมนฯ ซิตี้ เมื่อพวกเขาป้องกันแชมป์ลีกไม่สำเร็จ แถมยังพ่ายให้กับวีแกน ในนัดชิงเอฟเอ คัพ ไปอย่างเจ็บปวด 
 
ขณะที่ในซีซั่นปัจจุบัน ตูเร่ ยังคงเป็นเสาหลักของทีม และล่าสุดเจ้าตัวกดประตูสุดสวยตีเสมอให้กับทีมในศึกลีก คัพ รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเอาชนะซันเดอร์แลนด์ 3-1 คว้าแชมป์แรกไปครอง 

ADS