ประวัติ ชิโร่ อิมโมบิเล่

ชื่อเต็ม : ชิโร่ อิมโมบิเล่
วันเกิด: 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1990 (27 ปี)
เกิดที่ : ตอร์เร่ อันนันเซียต้า, ประเทศอิตาลี
สัญชาติ : อิตาลี
ส่วนสูง : 185 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองหน้า

ประวัติส่วนตัว

          อิมโมบิเล่ เริ่มต้นค้าแข้งโดยการเริ่มเล่นให้กับสโมสรของโรงเรียนในจังหวัดบ้านเกิดก่อนจะเริ่มออกลวดลายแววเก่งจนถูกสองยักษ์ใหญ่อย่าง โตริโน่ และ ยูเวนตุส เฝ้าจับตามอง จนในที่สุดปี 2008 เข้าได้ถูก ยูเวนตุส ดึงตัวเข้าสู่อคาเดมี่ด้วย 18 ปี และหลังจากนั้นก็พัฒนาฝีเท้ามาเรื่อยๆจนถูกหลายๆทีมสนใจคว้าดาวยิงผู้นี้มาเสริมคม

ยูเวนตุส (2008/09)

          14 มีนาคม 2009 โอกาสของเขาก็มาถึงเมื่อได้รับโอกาสประเดิมลงสนามในศึก กัลโช่ เซเรียอา โดยเจ้าตัวลงสนามมาแทนกัปตันทีม "ม้าลาย" ในตอนนั้นก็คือ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ แต่ต้องบอกว่าโอกาสน้อยเหลือเกินเพราะเจ้าตัวได้ลงสนามในนาทีที่ 89 ในตอนที่เกมขาดไปแล้ว ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2009 ได้รับโอกาสลงเล่นบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในนัดที่พบกับ บอร์กโดซ์ แต่หลังจากนั้นเจ้าเริ่มทำผลงานตกลงไปและด้วยความที่สตาร์ดังๆในยุคอยู่กันครบถ้วยทำให้เจ้าถูกปล่อยยืมให้ไปเล่นให้กับ เปสคาร่า ทีมในศึก เซเรีย บี

เปสคาร่า (2008/09)

          หลังจากถูกปล่อยยืมมาเมื่อได้รับโอกาสลงสนามนัดแรกก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังเนื่องจากว่าปลดล็อคประตูแรกได้สำเร็จในวันที่ 26 สิงหาคม 2011 เกมที่เอาชนะ เวโรน่า ไปได้และหลังจากนั้นเจ้าได้ควักเนื้อเงินตัวเองจำนวน 4 ล้านยูโร (ประมาณ 147 ล้านบาท) เพื่อตัดขาดต้นสังกัดเก่าอย่าง ยูเวสตุส และอยู่ช่วย เปสคาร่า จนสิ้นฤดูกาลและที่สำคัญก็คือพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ เซเรีย บี จนขึ้นมาลีกสูงสุดจนได้ ซึ่งซีซั่นนั้นเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีและกดสกอร์ไปได้ทั้งหมด 28 ประตู

          หลังจากพาต้นสังกัดขึ้นชั้นแล้วสัญญาระหว่างเขากับ เปสคาร่า ได้จบลงและกลายเป็น เจนัว ที่คว้าดาวยิงรายนี้ไปได้สำเร็จหลัง ยูเวสตุส อดีตต้นสังเก่าต้องการดึงมาร่วมทีมอีกครั้ง

เจนัว (2012/13)

           ได้กลับมาโลดแล่นลีกสูงสุดอีกครั้งแต่ทว่าฤดูกาลนี้กลับแผงฤทธิ์ไม่ออกเลยต้นสังกัดว่าผลงานแย่แล้วตัวเขาดูเหมือนจะแย่กว่าด้วยซ้ำเพราะว่าสามารถยิงประตูไปได้แค่ 5 เม็ดเท่านั้นตลอดการลงเล่น 33 นัด ต้องบอกว่าหมดรูปผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ เซเรีย บี จริงๆ หลังจากจบฤดูกาลเจ้าตัวก็ถูก เจนัว ลอยแพอีกครั้งโดยคราวนี้เป็น โตริโน่ ที่รับช่วงดูแลหัวหอกรายนี้ต่อ

โตริโน่ (2013/14)

          นัดแรกของเขาในการลงประเดิมสนามก็คือการพบกับ เปสคาร่า สโมสรเก่าที่เขาพาเลื่อนชั้นขึ้นมาและที่สำคัญคือฟอร์มดันเข้าฝักในวันนั้นด้วยการกดไปหนึ่งประตูกับอีกหนึ่งแอสซิสต์ช่วยให้ทีมคว้าชัยมาได้ 22 มีนาคม 2014 งัดฟอร์มเก่งด้วยการซัดแฮทริคตอกหน้า ลิวอร์โน่ 3-1 หลังจากนั้น 3 วันยิงประตูสุดสวยด้วยการซัดวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายใส่โคตรทีมอย่าง โรม่า

          หลังจากเรียกวคามมั่นใจกลับมาได้อีกครั้งเจ้าตัวก็เดินใส่สกอร์คู่แข่งแบบไม่ยั้ง โดยฤดูกาลนั้นดาวยิงอิตาเลี่ยนซัดไปทั้งหมด 22 ประตูกลายเป็นนักเตะ โตริโน่ คนแรกที่คว้ารางวัลรองเท้าทองคำมารอบครองได้นับตั้งแต่ปี 1976-1977

ดอร์ทมุนด์ (2014/15)

ด้วยการกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดซีซั่นที่ผ่านมาทำให้หลายทีมเบนเข็มกลับมาสนใจหัวหอกรายนี้อีกครั้งและคราวนี้หวยตกไปอยู่ที่ทีม "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่จาก บุนเดสลีก้า เยอรมัน นั่นเอง แต่ด้วยปัญหาสัญญากับต้นสังกัดเก่าที่ยังไม่ลงตัวทำให้เขาต้องรอเวลาถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2014 กว่าจะได้ลงสนามในการพบกับคู่ปรับอย่าง บาเยิร์น มิวนิค โดยผลออกมาเป็นต้นสังกัดใหม่ได้เฮด้วยการเอาชนะไปได้ 2-0

          ช่วงแรกๆในลีกนั้นเจ้าตัวไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควรส่วนมากจะตกเป็นสำรองซะส่วนใหญ่ จนกระทั่ง 16 กันยายน 2014 ได้รับโอกาสลงสนามเป็นสามารถปลดล็อคทำประตูได้ทันทีในเกมยุโรปด้วยการเปิดรังเอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 2-0 ซึ่งสถิติส่วนตัวในการเล่นเกมยุโรปค่อนข้างดีเลยทีเดียว ลงสนามไป 6 นัดพังตาข่ายไปได้ 4 ประตู แม้ฟอร์มถ้วยยุโรปจะแจ่มแจ๋วแต่โอกาสลงเล่นในลีกก็ยังน้อยเหมือนเดิม จนในที่สุดเจ้าตัดสินในโยกย้ายไปค้าแข้งที่ สเปน กับสโมสร เซบีญ่า ด้วยสัญญายืมตัว

เซบีญ่า (2015/16)

          11 สิงหาคม 2015 ลงประเดิมสนามครั้งแรกให้กับสโมสรด้วยการลงเป็นสำรองแทน เกอแว็ง กาไมโร่ ในนาทีที่ 80 ในศึกยูฟ่า คัพ ที่พบกับ บาร์เซโลน่า โดยเจ้าตัวจัดไปหนึ่งแอสซิสต์แต่ก็ไม่เพียงพอช่วยทีมรอดพ้นความพ่ายแพ้ต่อ "เจ้าบุญท่ม" ไปได้ 31 กรกฎาคม ได้รับข่าวร้ายเมื่อเจ้าตัวขึ้นโหม่งกลางอากาศและไปปะทะกับผู้เล่นของ วัตฟอร์ด จนต้องใส่หน้าช่วยหายใจในการเตะอุ่นเครื่องก่อนเริ่มซีซั่นนั่นเอง

          หลังจากห่างหายไปนานถึง 5 เดือนเจ้าตัวกลับมาลงสนามได้อีกครั้งและเบิกสกอร์ได้ทันทีในเกมเอาชนะ "ราชันชุด" ไปแบบสุดมันส์ 3-2 แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆเช่นเดิมเพราะไม่สามารถช่วยอะไรต้นสังกัดได้เลย จนในที่สุดก็ปล่อยตัวและกลายเป็นตัวเตะฟรีเอเยนต์ทันที

ลาซิโอ 2016/17

          หลังจากหายจากพื้นหญ้าไปนานแต่โอกาสกลับเล่นฟุตบอลอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็น ลาซิโอ ตัดสิ้นใจเซ้งดาวยิงพเนจรต่อ 21 สิงหาคม ลงสนามเดบิ้วครั้งแรกให้กับสโมสรในแมตช์เฉือนหวิวเอาชนะ อตาลันต้า ไปอย่างสุดมันส์ 4-3 และล่าสุดในศึก โคปปา อิตาเลีย เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าตัวเป็นคนซัดประตูปิดกล่องช่วยให้ ลาซิโอ เปิดบ้านดับซ่า โรม่า 2-0 ต้องดูว่าดาวยิงพเนจรรายนี้จะดำเนินต่อไปเช่นไร

ทีมชาติอิตาลี

          25 มีนาคม 2009 ประเดิมนัดแรกลงเล่นชุดยู-21 ในการพบกับ ออสเตรีย และเจ้าสามารถทำประตูได้ซะด้วย หลังจากนั้นก็โชว์ฟอร์มเก่งด้วยการซัดประตูใส่ฮอลแลนด์,สกอตแลนด์

          2 มีนาคม 2014 ถูกดันขึ้นทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ในการเตะอุ่นเครื่องกับทีมชาติสเปนแต่ไม่ได้รับโอกาสลงสนาม หลังจากนั้นก็มีชื่อติดเป็น 23 คนสุดท้ายในการลุยฟุตบอลโลกปี 2014 โดยเกมอุ่นเครื่องกับ ฟลูมิเนนเซ่ นั้นสามารถซัดแฮทริคได้ ซึ่งผลออกมาเป็น อิตาลี เอาชนะไป 5-3 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปเช่นเดิม

          31 มิถุนายน 2016 มีชื่อไปลุยศึกยูโรที่ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การกุมบังเหียนของ อันโตนิโอ้ คอนเต้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมคว้าโทรฟี่ได้แต่อย่างใด