ประวัติ คามาวิงก้า จากเด็กลี้ภัยไร้บ้านสู่ยอดมิดฟิลด์พรสวรรค์สูง

sittiwut | 18/11/2020 16:47 น. | 4223 Views

Eduardo Camavinga Biography - Childhood, Career, Networth, Girlfriend

          เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า กลายเป็นผู้เล่นดาวรุ่งที่ถูกจัดให้มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับที่ ของโลกในตอนนี้จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง "Transfermarkt" ซึ่งไม่แปลกใจเลยเมื่อพิจารณาจากฝีเท้าและคุณภาพที่เกินอายุของเขา กลายเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่ทีมชาติฝรั่งเศส ต้องจัดการเรียกเขาขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ทันทีแม้ว่าจะอายุเพียงแค่ 18 ปี เท่านั้น

 

 

Camavinga confirms he will stay in Stade Rennais for 2020-2021 season -  Managing Madrid
ชื่อเต็ม : เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า (Eduardo Camavinga)
วันเดือนปีเกิด : 10 พฤศจิกายน 2002
สถานที่เกิด : คาบินดา , แองโกล่า
ส่วนสูง : 182 ซม.
ตำแหน่ง : กองกลาง


Real Madrid 'learn Eduardo Camavinga asking price' - Sports Mole

          คามาวิงก้า เกิดในค่ายผู้ลี้ภัยที่ประเทศแองโกล่า มีพี่น้อง 5 คน เขาเคยอยู่ที่ นอร์เวย์ 1 ปี ก่อนที่พ่อกับแม่ของเขาจะพากันย้ายมาที่ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่อายุแค่ 2 ขวบ, คามาวิงก้า เป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ โดยก่อนที่เขาจะสนใจในฟุตบอลนั้นเขาเคยเล่นยูโดมาก่อน โดยพ่อพาเขาไปฝึกกับสโมสรในท้องถิ่น

 

Manchester United join Real Madrid in Eduardo Camavinga race? - Sports Mole


          ในปี 2013 โชคร้ายก็มาเยือนเด็กตัวเล็กๆคนนี้เมื่อบ้านที่เขาอาศัยอยู่ได้เกิดไฟไหม้ทำลายทรัพย์สินของครอบครัวไปอย่างมากมาย และตามข้อมูลระบุว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ คามาวิงก้า เติบโตทางด้านความคิดมากขึ้นและเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เขามุ่งมั่นสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ

Rumour Has It: Eduardo Camavinga the preference for Madrid - Sportstar
          คามาวิงก้า ก้าวเข้าสู่ทีมเยาวชนของสโมสรแรนส์ ตั้งแต่อายุ 11 ปี และพัฒนาฝีเท้าขัดเกลาจนกระทั้งได้เซ็นสัญญาขึ้นชุดใหญ่เมื่ออายุเพียงแค่ 16 ปี เท่านั้น และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยทีเดียว บ่งบอกชักเจนว่าฝีเท้าของเขานั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

Ligue 1 Transfer Target: Stade Rennais Midfielder Eduardo Camavinga - PSG  Talk
          จากนั้นกราฟชีวิตของ คามาวิงก้า ก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ วันที่ 6 เมษายน 2019 เขาได้รับโอกาสให้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในศึก ลีก เอิง เกมที่เสมอกับ อองเช่ร์ 3-3 และทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ของ แรนส์ อีกด้วย โดยตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 16 ปี 4 เดือนเท่านั้น และความยอดเยี่ยมของเขายังไม่หยุดแค่นี้ในฤดูกาล 2019/20 ช่วงต้นซีซั่น (18 สิงหาคม 2019) เขาโชว์ฟอร์มเทพได้ในเกมที่ แรนส์ เปิดบ้านเชือดแชมป์เก่าและยักษ์ใหญ่ประจำลีกอย่าง เปแอสเช ไป 2-1 โดยเกมดังกล่าวเขาทำแอสซิสต์ได้อีกด้วย และจากฟอร์มที่แจ่มจรัศนี้ทำให้ทั่วยุโรปได้รู้จักเด็กหนุ่มจากค่ายลี้ภัยที่แองโกล่ารายนี้กันมากขึ้น จากนั้นในวันที่ 15 ธันวาคม ปี 2019 คามาวิงก้า ระเบิดสกอร์แรกให้กับแรนส์ได้สำเร็จ ในบุกไปเชือดทีมดังอย่าง ลียง 1-0 ได้อีกด้วย 

          เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2019 คามาวิงก้า ทำแอสซิสต์และได้รับรางวัล แมนออฟเดอะแมตช์ ในเกมที่ แรนส์ เอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมงไป 2–1 ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ อายุน้อยที่สุดที่ทำแอสซิสต์ได้ในลีกเอิง ด้วยวัยเพียง 16 ปี 281 วัน

          ต่อมาในเดือนเดียวกัน เขาได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของ UNFP (UNFP Player of the Month) ซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับรางวัลนี้

          จากนั้น เขายิงประตูแรกให้กับแรนส์ได้ในเกมที่ชนะ ลียง 1–0 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2019 โดยยิงได้ในนาทีที่ 89 ของการแข่งขัน

          ในศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21, คาามาวิงกาได้ลงเล่นให้แรนส์ทั้งหมด 4 นัด พบกับทีม คราสโนดาร์, เชลซี และ เซบีญา

เรอัล มาดริด  : เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2021 สโมสร เรอัล มาดริด ประกาศเซ็นสัญญาคว้าตัว เอดูอาร์โด คามาวิงก้า มาร่วมทีมจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2027

            เขาลงประเดิมสนามนัดแรกในเกมที่เรอัล มาดริดเอาชนะ เซลตา บีโก้ ไปได้ 5–2 เมื่อวันที่ 12 กันยายน โดยคามาวิงก้าสามารถทำประตูได้ทันทีหลังถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรอง

 

            สามวันต่อมาเขาลงเล่นเกม ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรกให้กับเรอัล มาดริด โดยลงมาแทน ลูก้า โมดริชในนาทีที่ 80 และทำแอสซิสต์ให้ โรดรีโก้ ยิงประตูชัยในเกมที่ชนะ อินเตอร์ มิลาน ได้สำเร็จ

 

            ต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม 2022 คามาวิงก้า ลงสนามในฐานะตัวสำรองนาทีที่ 85 ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2022 ช่วยให้เรอัล มาดริดเอาชนะ ลิเวอร์พูล 1–0 คว้าแชมป์ยุโรปฤดูกาล 2021–22 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

 

            เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2023, เขาทำแอสซิสต์ให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ทำประตูขึ้นนำในเกมเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1–1 ในรอบรองชนะเลิศเลกแรกของแชมเปี้ยนส์ลีก กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของรอบรองชนะเลิศรายการนี้ที่ทำแอสซิสต์ได้ ด้วยวัยเพียง 20 ปี 180 วัน

 

            เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2023, เรอัล มาดริดประกาศขยายสัญญาของคามาวิงก้าออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2029

 

            เขาพลาดลงเล่นในนัดเปิดฤดูกาล 2024–25 (ศึกยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2024) หลังบาดเจ็บที่ หัวเข่าซ้าย ระหว่างการฝึกซ้อมก่อนแข่ง โดยคาดว่าต้องพักหลายสัปดาห์จากอาการ เอ็นด้านในเข่าฉีก ก่อนจะกลับมาลงสนามอีกครั้งในวันที่ 2 ตุลาคม 2024 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกพบ ลีลล์ 

 

            อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนั้นถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับเขา เนื่องจากฟอร์มการเล่นตกลงและมีโอกาสลงสนามน้อยลง โดยกุนซือในตอนนั้นอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ มักเลือกใช้เขาในบทบาทสำรอง หรือโยกไปยืนเป็น แบ็กซ้าย แทนตำแหน่งที่ขาดแคลน เขาไม่สามารถกลับมาสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดได้ และในวันที่ 23 เมษายน 2025, คามาวิงก้าบาดเจ็บหนักจากอาการเจ็บเอ็นกล้ามเนื้อต้นขาส่วนใน ระหว่างเกมพบ เกตาเฟ่ ทำให้ต้องพักยาวหลายเดือน พลาดการลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศโกปา เดล เรย์, ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีกไฟนอลส์, และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ

 

            กระทั่งวันที่ 30 กันยายน 2025,  คามาวิงก้า ยิงประตูแรกของเขาในศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ ในเกมที่เรอัล มาดริดบุกถล่ม เอฟซี ไครัต 5–0

 

 

BVB und FC Bayern zeigen Interesse an Eduardo Camavinga | 90min
          คามาวิงก้า ได้รับสัญชาติฝรั่งเศส ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2019 และในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2019 เจ้าตัวก็ติดธง "ตราไก่" ชุดยู-21 ทันที โดยมาแทนที่ มัตเตโอ เกนดูซี ที่ถูกดันขึ้นชุดใหญ่ ไม่นานหลังจากนั้น ในวันที่ 27 สิงหาคม 2020 คามาวิงก้า ก็ถูกเลื่อนขึ้นทีมชุดใหญ่ของฝรั่งเศสทันที โดยมาแทนที่ ปอล ป็อกบา ที่ติดโควิด-19 ไม่สามารถลงสนามได้ และการติดทัพ "ตราไก่" ชุดใหญ่ของ คามาวิงก้า นี้ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ โดยก่อนหน้านี้เป็นของ เรอเน เชราร์ด ในปี 1932 โดยมีอายุที่ 17 ปี 9 เดือน 17 วัน

Eduardo Camavinga, France's youngest international in over a century - Stad  Al Doha
          จากนั้นในวันที่ 8 กันยายน เขาเปิดตัวในเกมที่ฝรั่งเศส ชนะโครเอเชีย 4–2 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก โดยลงสนามมาแทนที่เอ็นโกโล ก็องเต้ ในช่วงครึ่งหลังของครึ่งหลังของเกม ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส นับตั้งแต่ มอริซ กาสติเกอร์ ในปี 1914 เลยทีเดียว

 

          เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2021 คามาวิงก้า ถูกเรียกติดทีมชาติฝรั่งเศสชุด โอลิมปิกฤดูร้อน 2021 โดยอยู่ในรายชื่อ 18 คนของ ซิลแว็ง ริปอล อย่างไรก็ตาม เขาถูกถอดออกจากทีมในภายหลัง เนื่องจากต้นสังกัดของเขาอย่าง แรนส์ ไม่อนุญาตให้ไปร่วมแข่งขัน

 

          คามาวิงก้าลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส 2 นัดในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งฝรั่งเศสจบอันดับรองแชมป์ เขาถูกส่งลงเล่นในตำแหน่ง แบ็กซ้าย ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายที่แพ้ ตูนิเซีย 0–1 ซึ่งในเกมนั้นกุนซือ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ พักผู้เล่นตัวหลักก่อนเข้าสู่รอบน็อกเอาต์

 

          ในรอบชิงชนะเลิศ คามาวิงก้าได้ลงสนามในนาทีที่ 71 แทนที่ เตโอ แอร์กน็องเดซ (Théo Hernandez) ขณะฝรั่งเศสตามหลังอาร์เจนตินา 0–2 เกมจบลงที่ 2–2 ในเวลา 90 นาที และ 3–3 หลังต่อเวลา ก่อนที่ฝรั่งเศสจะพ่ายในการดวลจุดโทษ

 

Rennes in crisis over Real Madrid Camavinga talks - L'Équipe - AS.com
          ด้วยสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่งแบบแอฟริกัน บวกกับได้อัพเกรดการอ่านเกมที่เฉียบแหลมในสไตล์ฟุตบอลยุโรปทำให้ คามาวิงก้า นั้นมีครบทั้งบู๊และบุ๋น แถมยังมีทีเด็ดในการวางบอลยาวอีกด้วย ทำให้เขากลายเป็นสุดยอดผู้เล่นกองกลางที่ได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรปที่อยากได้ตัวไปปลุกปั้นต่อ และเชื่อว่า คามาวิงก้า จะก้าวขึ้นมาโด่งดังได้เหมือนกันรุ่นพี่จากแรนส์อย่าง ซิลแว็ง วิลตอร์, โยอัน กูร์กกุฟฟ์, อับดุลลาย ดูคูเร่ และ อุสมาน เดมเบเล่ ได้อย่างแน่นอน

 

ADS