ประวัติ กัคโป ปีกลีลาน้อยแต่คุณภาพสูง

sittiwut | 28/12/2025 22:58 น. | 6 Views

 


ชื่อเต็ม : โคดี้ มาเธส กัคโป (Cody Mathes Gakpo)
วัน/เดือน/ปีเกิด : 7 พฤษภาคม ปีค.ศ. 1999
ส่วนสูง : 1.93 ซม.
ตำแหน่ง : ปีกซ้าย, กองหน้า
สโมสรปัจจุบัน : ลิเวอร์พูล


            โคดี้ กัคโป เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันค้าแข้งในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับสโมสร ลิเวอร์พูล โดยเล่นได้ทั้งตำแหน่งปีกซ้ายและกองหน้าตัวกลาง พร้อมรับใช้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์

            กัคโปเติบโตมาจากอะคาเดมีของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน และก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ก่อนจะระเบิดฟอร์มสุดยอดในฤดูกาล 2021/22 เมื่อยิงไป 21 ประตูจาก 47 นัดรวมทุกรายการ คว้ารางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเนเธอร์แลนด์ มาครอง และผลงานอันโดดเด่นนี้เองที่ทำให้ลิเวอร์พูลคว้าตัวเขามาร่วมทีมในเดือนมกราคม ปี 2023

            ในนามทีมชาติ กัคโปผ่านการเล่นให้กับทีมเยาวชนเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ไล่ขึ้นมาจนถึงรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ก่อนจะประเดิมสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2021 ในศึก ยูโร 2020


ชีวิตช่วงต้น :

            กัคโปเกิดที่เมืองไอนด์โฮเฟน และเติบโตในย่านสตราตุม โดยคุณพ่อมีเชื้อสายจากประเทศโตโกและมีรากเหง้าชาวกานา ส่วนคุณแม่เป็นชาวดัตช์แท้ ในปี 2007 เขาย้ายเข้าสู่ศูนย์ฝึกเยาวชนของพีเอสวี และไต่เต้าขึ้นมาทุกระดับจนกลายเป็นกำลังหลักของทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา


ชีวิตส่วนตัว :

            กัคโปเป็นคริสเตียนนิกายเพนเทคอสต์ และให้ความสำคัญกับศรัทธาอย่างมาก โดยเจ้าตัวเคยเผยว่า : “ผมพยายามอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน สวดภาวนาทุกวัน ชอบไปโบสถ์ และอ่านหนังสือเกี่ยวกับความเชื่ออยู่เสมอ”

            ในช่วงฟุตบอลโลก 2022 กัคโปยังร่วมกับ เมมฟิส เดอปาย จัดกิจกรรมศึกษาพระคัมภีร์ให้กับเพื่อนร่วมทีมชาติเนเธอร์แลนด์กว่า 15 คนอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังได้ต้อนรับลูกคนแรก เป็นลูกชาย ที่เกิดในเดือนเมษายน ปี 2025 กับแฟนสาว โนอา ฟาน เดอร์ ไบย์ อีกด้วย


เส้นทางอาชีพสโมสร

พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น :

            กัคโป เริ่มฉายแววในฤดูกาล 2016/17 เมื่อถูกดันขึ้นมาอยู่กับทีมสำรอง ยอง พีเอสวี เป็นครั้งแรก แม้ช่วงต้นจะยังลงเล่นให้ทีมชุดอายุไม่เกิน 19 ปีเป็นหลัก แต่เจ้าตัวก็ได้ประเดิมสนามในฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการในศึก เอียร์สเต ดิวิซี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2016 ในเกมพบเฮลมอนด์ สปอร์ต อย่างไรก็ตาม ตลอดฤดูกาลนั้นเขาได้ลงสนามกับทีมสำรองเพียงอีกนัดเดียวเท่านั้น

            ผลงานเริ่มชัดเจนขึ้นในฤดูกาลถัดมา เมื่อกัคโประเบิดฟอร์มกับทีม ยู19 ยิงไป 7 ประตู พร้อม 5 แอสซิสต์ จาก 13 นัด ในลีก จนได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมสำรองอย่างเต็มตัว และในการลงสนามนัดที่สองของเขาในดิวิชันสอง เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2017 เกมบุกชนะ เดอ กราฟสคัป 3-2 กัคโป ก็โชว์ฟอร์มเด่น ยิง 2 ประตู พร้อมทำอีก 1 แอสซิสต์ มีส่วนกับทั้งสามประตูของทีม ก่อนจะจบฤดูกาล 2017/18 ด้วยผลงาน 7 ประตูจาก 12 นัดในลีกให้กับยอง พีเอสวี


ก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ :

            กัคโปได้โอกาสประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ของพีเอสวีเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2018 ในเกมบิ๊กแมตช์ที่ชนะ เฟเยนูร์ด 3-1 โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

            ฤดูกาล 2018/19 ถือเป็นปีที่ผลงานของเขาพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน จนเข้าตา มาร์ค ฟาน บอมเมล กุนซือทีมชุดใหญ่ในตอนนั้น แม้ช่วงแรกจะมีชื่อในทีมบ่อยครั้งแต่ยังไม่ได้โอกาสลงสนาม ทว่ากัคโปก็ส่งสัญญาณแรงเมื่อยิง แฮตทริกแรกในอาชีพ ในเกมถล่ม โก อเฮด อีเกิลส์ 5-1 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2018

            หลังจากทำ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ในเกมชนะ อัลเมเร ซิตี้ 5-2 วันที่ 21 ธันวาคม เขาก็ได้ลงเล่นใน เอเรดิวิซี เป็นครั้งแรกในวันถัดมา เกมเปิดบ้านชนะ อาแซด อัลค์มาร์ 3-1 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน สตีเวน เบิร์กไวย์น ช่วงท้ายเกม ก่อนจะยิงไปถึง 9 ประตูจาก 10 นัดในลีก ให้กับทีมสำรอง และถูกดันขึ้นเป็นกำลังหลักของทีมชุดใหญ่อย่างถาวรในเวลาต่อมา

            วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 กัคโปยิงประตูแรกในลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในเกมถล่ม ฟอร์ทูน่า ซิตตาร์ด 5-0 พร้อมทำอีก 1 แอสซิสต์ แม้ช่วงท้ายฤดูกาลจะลงเล่นรวม 14 นัดในลีก แต่ไม่สามารถเพิ่มสกอร์ได้อีก

            ในฤดูกาล 2019/20 คือปีแจ้งเกิดอย่างแท้จริง เมื่อเขากลายเป็นตัวหลักในเอเรดิวิซี ยิง 7 ประตู กับ 7 แอสซิสต์ จาก 25 นัดลีก สร้างชื่อในฐานะแนวรุกอนาคตไกลของพีเอสวี

            ผลงานยังร้อนแรงต่อเนื่องในฤดูกาล 2020/21 โดยนัดเปิดสนามลีกเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2020 กัคโปเหมาคนเดียว 2 ประตู พาทีมชนะ โกรนิงเกน 3-1 ก่อนจะเหมายิงคนเดียวสองประตูในศึกยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือก เกมถล่ม เอ็นเอส มูร่า 5-1 และยังยิงประตูสำคัญในรอบเพลย์ออฟ เกมชนะ โรเซนบอร์ก 2-0 ส่งพีเอสวีผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ โดยฤดูกาลนั้นเขาลงสนามรวม 29 นัด ยิงไป 11 ประตู

            ความสำเร็จชิ้นโบแดงเกิดขึ้นในปี 2022 เมื่อกัคโปยิง ประตูชัยพา พีเอสวี เฉือนชนะ อาแจ็กซ์ 2-1 คว้าแชมป์ เคเอ็นวีบี คัพ มาครอง และในวันที่ 31 สิงหาคม 2022 เขายังโชว์ฟอร์มโหดด้วยการทำ แฮตทริกแรกในเอเรดิวิซี ในเกมถล่ม โฟเลนดัม 7-1


ลิเวอร์พูล :

            วันที่ 28 ธันวาคม 2022 โคดี้ กัคโป ตกลงย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ โดยการย้ายทีมจะมีผลเมื่อเปิดตลาดนักเตะเดือนมกราคม ปี 2023 ซึ่งตามรายงานของ BBC Sport ระบุว่า เขาเซ็นสัญญาระยะยาว 5 ปีครึ่ง ด้วยค่าตัวราว 35.4 ถึง 44.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 40–50 ล้านยูโร) ซึ่งนับเป็น สถิติค่าตัวสูงสุดที่พีเอสวีเคยขายนักเตะออกไป

            กัคโปประเดิมสนามให้ “หงส์แดง” นัดแรกเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2023 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบสาม เกมเปิดแอนฟิลด์เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-2 โดยออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทันที ก่อนจะปลดล็อกประตูแรกในสีเสื้อแดงได้สำเร็จในเกม เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี ที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2023

            ฤดูกาล 2023/24 กัคโปคว้า แชมป์แรกกับลิเวอร์พูล หลังมีส่วนสำคัญในการพาทีมผงาดคว้าแชมป์ อีเอฟแอล คัพ สมัยที่ 10 ของสโมสร โดยเขายิงประตูสำคัญหลายเกม และจบรายการในฐานะดาวซัลโวอันดับสองของทัวร์นาเมนต์อีกด้วย

            เข้าสู่ฤดูกาล 2024/25 แนวรุกชาวดัตช์ยังคงเป็นกำลังหลักของทีม โดยหนึ่งในไฮไลต์คือการยิงประตูตีเสมอในเกมบิ๊กแมตช์ที่ลิเวอร์พูลบุกเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2–2 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2025 และในฤดูกาลเดียวกันนี้ เขามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

            เกมชี้ขาดเกิดขึ้นในแมตช์ถล่ม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 5-1 ซึ่งกัคโปยิงลูกที่สามของทีม ส่งผลให้ลิเวอร์พูลการันตีแชมป์ลีกทันที นับเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกใน ฤดูกาลแรกภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือใหม่และเพื่อนร่วมชาติชาวดัตช์ของเขาอีกด้วย

            จากผลงานอันสม่ำเสมอ ทำให้เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2025 กัคโปได้รับรางวัลตอบแทนจากสโมสร ด้วยการต่อสัญญาฉบับใหม่ระยะยาว อยู่ค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ต่อไปในฐานะแกนหลักของทีม

 

เส้นทางทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ระดับเยาวชน :

            โคดี้ กัคโป มีสิทธิ์เลือกเล่นให้ทีมชาติได้ถึงสามชาติ ได้แก่ เนเธอร์แลนด์, กานา และโตโก แต่เจ้าตัวตัดสินใจเลือกสวมเสื้อ “อัศวินสีส้ม” และรับใช้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์มาอย่างต่อเนื่องในระดับเยาวชน ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 18, 19, 20 ไปจนถึง 21 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา


ทีมชาติชุดใหญ่ :

            กัคโปถูกเรียกติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดใหญ่ลุยศึก ยูโร 2020 และได้ประเดิมสนามในนามทีมชาติครั้งแรกในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย พบกับ มาซิโดเนียเหนือ โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองนาทีที่ 79 แทน เฟรงกี้ เดอ ยอง ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะดัตช์คนแรกในรอบกว่า 40 ปี ที่ได้ประเดิมสนามทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป นับตั้งแต่ มาร์เตียน เฟรย์เซน ในปี 1980

            ดาวเตะจากลิเวอร์พูลได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในนามทีมชาติครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2021 ในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกที่พบกับ นอร์เวย์ ก่อนจะปลดล็อกประตูแรกในระดับทีมชาติชุดใหญ่ได้สำเร็จเพียงสามวันถัดมา จากเกมถล่ม มอนเตเนโกร 4-0

            ผลงานระดับโลกของกัคโปพุ่งทะยานอย่างแท้จริงในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อเขายิงประตูได้ใน สามนัดติดต่อกัน ในรอบแบ่งกลุ่ม พบกับ เซเนกัล, เอกวาดอร์ และกาตาร์ กลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว

            กัคโปยังคงรักษาฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องในศึก ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี โดยถูกยกให้เป็นหนึ่งในดาวเด่นของทัวร์นาเมนต์ เขาคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ตั้งแต่นัดเปิดสนามที่เนเธอร์แลนด์เฉือน โปแลนด์ 2-1 ซึ่งเป็นเกมที่เขายิงประตูแรกของทัวร์นาเมนต์ให้กับทีมชาติอีกด้วย

            จากนั้นเจ้าตัวยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมอีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดถล่ม โรมาเนีย 3-0 หลังยิงประตูขึ้นนำและทำอีกหนึ่งแอสซิสต์ พาทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไปอย่างสวยงาม และด้วยผลงาน 3 ประตูในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ทำให้กัคโปคว้ารางวัล ดาวซัลโวยูโร 2024 ร่วมกับผู้เล่นอีก 5 คน


สไตล์การเล่น :

            โคดี้ กัคโป ถนัดลงเล่นในตำแหน่ง ปีกซ้าย แต่ก็สามารถขยับมาเล่นในบทบาทแนวรุกตรงกลางหรือ กองหน้าตัวเป้า ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งกับลิเวอร์พูล เขามักถูกใช้งานนอกเหนือจากตำแหน่งที่ถนัด โดยถูกขยับไปยืนทั้งในบทบาท กองกลางตัวรุก และ กองหน้าตัวเป้า เป็นส่วนใหญ่

            จุดเด่นของกัคโปคือการตัดจากริมเส้นเข้าด้านในด้วยเท้าขวา เพื่อหาพื้นที่ในแดนกลาง ก่อนใช้ความเร็วและทักษะการเลี้ยงบอลเข้าปะทะแนวรับคู่แข่ง จนสร้างโอกาสยิงประตูได้ด้วยตัวเอง เป็นแนวรุกสไตล์พาบอลไปกับตัว เก่งทั้งการเจาะพื้นที่และจบสกอร์จากแถวสอง

ADS