ประวัติ ไรอัน กิ๊กส์

| 01/01/1970 07:00 น. | 1776 Views
ลินเดการ์ดเชื่อกิ๊กส์คือนิวกวาร์ดิโอลา


อันเดอร์ส ลินเดการ์ด นายทวารตัวสำรอง "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกโรงซูฮก ไรอัน กิกส์ กุนซือขัดตาทัพ จะกลายเป็น "นิว" โจเซป กวาร์ดิโอลา ยอดเทรนเนอร์ของ บาเยิร์น มิวนิก หลังเพิ่งประเดิมคุมทัพอย่างสวยหรู ด้วยการพาทีมไล่ต้อนนอริช 4-0 ในศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 เมษายน
       
        หนึ่งในตำนานนักเตะ "ปิศาจแดง" เข้ามารับตำแหน่งบิ๊กบอสแห่งถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด แทนที่ เดวิด มอยส์ ซึ่งถูกเด้งจากหน้าที่ เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย. โดย กิ๊กส์ เข้ามานั่งบัญชาการข้างสนามเป็นเกมแรก ในนัดเปิดบ้านถล่ม "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ไปอย่างราบคาบ

ถึงแม้สื่อหลายสำนักเผยว่า หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ชาวดัตช์ กำลังตอบรับงานผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ยูไนเต็ด หลังเสร็จสิ้นภารกิจคุมทีมชาติฮอลแลนด์ สู้ศึกฟุตลบอลโลก 2014 ที่บราซิล ทว่า ลินเดการ์ด ไม่แยแสข่าวลือ พร้อมยกย่อง อดีต "ปีกพ่อมดมหัศจรรย์" อาจกลายเป็น "นิว กวาร์ดิโอลา" ในอนาคต
       
        ลินเดการ์ด เผยว่า "มันอาจฟังดูเหมือนรวดเร็วเกินไป ผมเข้าใจผู้คนสงสัยกับบทสรุป และการซ้อม 4 วัน แต่สำหรับผมเรากำลังทำงานอยู่กับ นิว กวาร์ดิโอลา ประเด็นคือไม่ว่าเขาจะพบความสามารถที่เขามีอยู่หรือไม่ โชคดีที่ไม่ใช่การตัดสินใจของผม แต่อะไรก็ตามที่สโมสรตัดสินใจ ผมเชื่อว่าทุกคนจะยอมรับ"

"ประโยคปลุกเร้าลูกทีมก่อนลงสนามพบ นอริช มันน่าตื่นเต้นมาก แบบเดียวกับที่ผมเคยเจอสมัย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บางคนอาจตั้งคำถาม ไม่ว่ามันจะเวิร์กหรือเปล่า สำหรับการเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนร่วมทีมเป็นเจ้านายเพียงชั่วข้ามคืน แน่นอนผมมีข้อจำกัดของผม แต่กับ กิ๊กส์ มันต่างออกไป"

ไรอัน กิ๊กส์

ประวัติ ไรอัน กิ๊กส์

ไรอัน กิ๊กส์

นับจากอดีตมาถึงปัจจุบันมียอดนักฟุตบอลมากมายที่ได้ฉายาว่า "ปีกพ่อมด" ด้วยลีลาการลากเลื้อยที่ราวกับมีเวทมนต์บนปลายเท้า แต่จะมีสักกี่คนที่มีความจงรักภักดีและรับใช้สโมสรฟุตบอลเพียงแห่งเดียวได้ตลอดชีวิตถึงกว่า 700 นัดเหมือนปีกพ่อมดชาวเวลส์ ที่ชื่อไรอัน กิ๊กส์ คนนี้

ไรอัน โจเซฟ กิ๊กส์ หรือชื่อเดิมว่าไรอัน โจเซฟ วิลสัน เป็นยอดนักฟุตบอลในยุคใหม่ที่มีความเก่งกาจและได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดจากผลงานความสำเร็จมากมายในสีเสื้อแดงร้อนแรงของทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรแรกและสโมสรเดียวในชีวิตของเขานับตั้งแต่ยังเป็นนักเตะเยาวชนเลยทีเดียว

กิ๊กส์ เกิดในเวลส์ โดยเดิมทีใช้นามสกุลวิลสัน ตามคุณพ่อแดนนี่ วิลสัน อดีตนักรักบี้แต่ก็ได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุล กิ๊กส์ ของแม่ และถูกพามาเลี้ยงในซัลฟอร์ด เมืองทางตอนเหนือของอังกฤษ ทำให้กิ๊กส์ ถือเป็นคนแมนคูเนี่ยน พูดสำเนียงแมนคูเนี่ยน มาตั้งแต่ต้น

ชีวิตในวัยเยาว์ของกิ๊กส์ ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาความรู้รวมทั้งวิชาลูกหนังอยู่ในอังกฤษ ซึ่งแม้ว่ากิ๊กส์ จะยืนยันความภูมิใจที่มีหลายเชื้อชาติผสมผสานกัน (ได้จากพ่อที่เป็นคนอพยพชาวเซียร่า ลีออน แต่ได้สัญชาติเวลส์) และเคยเป็นถึงกัปตันทีมนักเรียนอังกฤษ แต่ไรอัน กิ๊กส์ ก็เลือกที่จะรับใช้ทีมชาติเวลส์ ในเวลาต่อมา

ในวัย 14 ปี กิ๊กส์ เคยเกือบที่จะได้เซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่แล้ว แต่โชคชะตาของเขาถูกลิขิตมาให้เป็นซูเปอร์สตาร์ใน "โรงละครแห่งความฝัน" โอลด์ แทรฟฟอร์ด พรสวรรค์ที่เปล่งประกายออกมาอย่างโดดเด่นเหนือนักเตะรุ่นเดียวกัน ทำให้อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (ขณะนั้นยังไม่ได้รับยศอัศวิน) ถึงกับเดินทางไปเคาะประตูถึงบ้านเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เลือกเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทน

และการตัดสินใจครั้งนี้ของเฟอร์กี้ ก็เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดของยอดผู้จัดการทีมคนนี้ ซึ่งหลังจากที่กิ๊กส์ ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัดของทีมได้ 3 ปี ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในวันเกิดอายุครบรอบ 17 ปี และเริ่มต้นลงสนามเป็นเกมแรกในเกมกับเอฟเวอร์ตัน ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 2 มี.ค.1991 โดยลงไปแทนเดนนิส เออร์วิน แบ็กซ้ายจอมเก๋าชาวไอริช

หลังจากนั้นกิ๊กส์ ซึ่งแจ้งเกิดได้เต็มตัวในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ โดยเป็นผู้ยิงประตูชัยให้ทีมยูไนเต็ด เอาชนะซิตี้ ได้และเป็นประตูแรกของเขาด้วย ก็เริ่มได้รับการจับตามองในฐานะเจ้าหนูมหัศจรรย์คนใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษ

โดยเฉพาะลีลาการลากเลื้อยสุดมหัศจรรย์ และหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายทำให้ "กิ๊กซี่" กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการเปรียบเปรยเป็นทายาทของ "เทพบุตรลูกหนัง" จอร์จ เบสต์ ตำนานปีกซ้ายอมตะของชาวเร้ดอาร์มี่ ที่ขึ้นชื่อลือชาทั้งในเรื่องฝีเท้าที่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก และเสน่ห์ในฉบับเพลย์บอยที่ต่อมากลายเป็นยาขมทำลายชีวิตนักเตะของเบสต์ จนพังพินาศ

แต่กิ๊กส์ ก็ได้รับการอบรมดูแลจากเฟอร์กี้ อย่างใกล้ชิดทำให้ไม่เตลิดเสียคนและยังเป็นกำลังสำคัญในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตลอดยุคทศวรรษที่ 90 โดยเฉพาะการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพสมัยแรกหลังการเปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1 เดิมในฤดูกาล 1992/93 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 26 ปีของแมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกจนเบื่อได้ถึงอีก 8 สมัย!

หนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการพาแมนฯ ยูไนเต็ด สร้างตำนานคว้า "เทรเบิ้ลแชมป์" หรือการคว้า 3 แชมป์ใหญ่ในฤดูกาลเดียวกันคือพรีเมียร์ลีก ,เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1999 โดยกิ๊กส์ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในรายการเอฟเอ คัพ เมื่อสร้างปาฏิหารย์ลากบอลจากกลางสนามฝ่าผู้เล่นกันเนอร์ส เข้าไปยิงมุมแคบเข้าแสกหน้าของเดวิด ซีแมน ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษของอาร์เซนอล เข้าไปเป็นประตูชัยให้ทีมชนะในเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ

ซึ่งประตูนี้ได้รับการสดุดีจากทุกมุมโลกว่าเป็นหนึ่งในประตูที่คลาสสิคที่สุดตลอดกาลของรายการเอฟเอ คัพ เทียบเท่ากับตำนานของเซอร์สแตนลีย์ แมตธิว ในอดีตเลยทีเดียว

แต่ในชีวิตที่ประสบความสำเร็จมากมาย กิ๊กส์ ก็เคยประสบปัญหามามากมายเช่นกันโดยเฉพาะเรื่องของความเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ล่อแหลมต่อการเสียคนเหมือนอดีตฮีโร่อย่างจอร์จ เบสต์ เพราะกิ๊กส์เองก็เป็นซูเปอร์สตาร์ที่หมั่นควงสาวไม่ซ้ำหน้าคนหนึ่งและเคยได้รับการเปรียบเทียบจากบีบีซี สำนักข่าวอังกฤษว่ากิ๊กส์ เป็นคนที่ถูกบันทึกภาพมากที่สุดคนหนึ่งในสหราชอาณาจักร แต่ในระยะหลังกิ๊กส์ ก็ค่อยๆเติบโตขึ้นและเลือกจะใช้ชีวิตอย่างสงบมากกว่า

อีกปัญหาที่เคยบั่นทอนกำลังใจชีวิตของกิ๊กส์ คืออาการบาดเจ็บที่ทำให้ฟอร์มการเล่นที่เคยสุดยอดตกต่ำลงไปอย่างน่าใจหาย แต่หลังจากที่ได้รับการดูแลประคบประหงมอย่างดี บวกกับความเป็นมืออาชีพที่น่านับถือของกิ๊กส์ ในที่สุดปีกพ่อมดก็สามารถกลับมาเป็นยอดนักเตะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดไม่ได้เหมือนเดิมและยังสามารถสลับไปเล่นได้ในหลายบทบาทด้วย ทั้งกองหน้าตัวต่ำ หรือตัวทำเกมกลางสนาม

แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อยสำหรับวงการลูกหนังโลกที่กิ๊กส์ เลือกเล่นให้กับทีมชาติเวลส์ อันเป็นผลจากการที่เขาภาคภูมิใจกับความเป็นสายเลือดนักรักบี้ของพ่อ ซึ่งกิ๊กส์ จะพูดเสมอว่าฝีเท้าจัดจ้านและการทรงตัวที่ดีเลิศเป็นผลจากสายเลือดนักรักบี้ของพ่อ แต่การเลือกเล่นให้เวลส์ ก็ทำให้เขาไม่เคยได้สัมผัสกับรายการสุดยอดที่สุดของโลกอย่างฟุตบอลโลก และยิ่งทำให้กิ๊กส์ ถูกเปรียบเทียบกับจอร์จ เบสต์มากขึ้น เพราะเบสต์ เองแม้จะเก่งที่สุดในยุคของเขาแต่ก็ไม่เคยสัมผัสฟุตบอลโลกเหมือนกันเนื่องจากเป็นชาวไอร์แลนด์เหนือ

อย่างไรก็ดี กิ๊กส์ ก็ยังรับใช้ทีมชาติเวลส์มาโดยตลอ แม้จะมีเสียงค่อนแคะอยู่บ่อยๆ ว่าเล่นได้ไม่เต็มที่และฟอร์มไม่ดีเหมือนกับเล่นให้ต้นสังกัด หรือแม้แต่การประชดที่กิ๊กส์ ชอบถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บว่าไม่มีใจเล่นให้ทีมชาติ แต่กิ๊กส์ ก็ยังได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติเวลส์ในปี 2004

และในเวลานี้ กิ๊กส์ ได้กลายเป็นนักฟุตบอลที่สร้างตำนานไปแล้วในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่ลงเล่นให้กับทีมมากที่สุดเกิน 700 นัดไปแล้ว (ครบรอบ 700 นัดในเกมแดงเดือดกับทีมลิเวอร์พูล ที่แอนฟิล์ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2007) ซึ่งมีเพียงเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เท่านั้นที่ลงสนามมากกว่าด้วยจำนวน 759 นัด (249 ประตู)

ด้วยผลงานในฐานะปีกพ่อมดที่จงรักภักดีรับใช้แมนฯ ยูไนเต็ด มาโดยตลอดไม่เคยย้ายหนีไปไหนตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไรอัน กิ๊กส์ จึงเป็นขวัญใจที่ชาวปีศาจแดงรักมากที่สุดคนหนึ่ง และชื่อของเขาจะถูกจารึกไว้ในฐานะตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสโมสรตลอดกาลเคียงข้างเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ,จอร์จ เบสต์ และเอริค คันโตน่า



ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : ไรอัน โจเซฟ กิ๊กส์
วันเกิด : 29 พฤศจิกายน 1973
เกิดที่ : คาร์ดิฟฟ์, เวลส์
ตำแหน่ง : ปีกซ้าย
ส่วนสูง : 180 ซม.
ฉายา : กิ๊กซี่ ,ปีกพ่อมด
สโมสรปัจจุบัน : แมนฯ ยูไนเต็ด
หมายเลขเสื้อ : 11

      ปี            สโมสรอาชีพ    ลงเล่น    ประตู
1991 - ปัจจุบัน  แมนฯ ยูไนเต็ด   700     140

ทีมชาติ
1991 - ปัจจุบัน      เวลส์          60       11

ADS