ประวัติ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ

| 01/01/1970 07:00 น. | 1597 Views

     ราชาสละบัลลังก์! แฟนสาวของกัปตันทีมหมาป่าแห่งกรุงโรมแบไต๋ สามีของเธอ เตรียมประกาศเลิกเล่นหลังจบฤดูกาลนี้

     ยารี บลาซี ภรรยาคนสวยของ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เผยเป็นนัยว่า ดาวยิงจอมเก๋าของ โรมา เตรียมแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาลนี้

     กองหน้าวัย 39 กะรัต อยู่ระหว่างเรียกความฟิตกลับมาลงสนาม หลังมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อ จนต้องพักรักษาตัวยาวมาตลอด 3 เดือน

"เวลามาถึงแล้ว ฟรานเชสโก้จะมีอายุ 40 ในปีหน้า เขามีความสุขกับมันมาโดยตลอด ฉันคิดว่าตอนนี้ เขาต้องการทำอย่างอื่นแล้ว แต่เขาจะยังคงทำงานเกี่ยวกับฟุตบอลแน่นอน" บลาซี กล่าวกับ แม็กกาซีน Oggi

ทั้งนี้ หอกทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลก 2006 ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ จัลโลรอสซี ตั้งแต่ปี 1992 และอยู่ค้าแข้งกับทีมมาจนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 24 ปีเข้าไปแล้ว

ชื่อ : ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ
 
เชื้อชาติ : อิตาลี
 
วันเกิด : 27 กันยายน 1976
 
อายุ : 37 ปี
 
สถานที่เกิด : กรุงโรม ประเทศอิตาลี
 
ส่วนสูง : 180 ซม.
 
ต้นสังกัด : โรม่า

ตำแหน่ง : กองหน้า, กองกลางตัวรุก

 

     ต๊อตติ เกิดเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 1976 ที่กรุงโรม ในย่านปอร์ต้า เมโทรเนีย ซึ่งเขาเติบโตมาไม่ค่อยเหมือนเด็กคนอื่นที่ชอบอ่านการ์ตูนหรือวิ่งซนตามสนามเด็กเล่น แต่สำหรับสถานที่ของ "เจ้าชายหมาป่าคนใหม่" นี้ต้องอยู่ที่สนามฟุตบอลเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

     ต๊อตติ มักจะติดตามพ่อ เอ็นโซ่ และแม่ ฟิโอเรลล่า เข้าไปดูเกมในสนามฟุตบอลเสมอๆรวมทั้งเล่นในระดับเยาวชนด้วย และพรสวรรค์ของเขาก็ไปเตะตาแมวมองของหลายสโมสร แต่ฟิโอเรลล่า ก็ได้ทำเรื่องที่เหลือเชื่อด้วยการปฏิเสธข้อเสนอจากทีมยักษ์ใหญ่อย่างเอซี มิลาน เพื่อที่จะรอข้อเสนอจากทีมโรม่า ซึ่งเป็นทีมโปรดของตัวต็อตติเอง ขณะที่เธอก็ไม่ต้องการที่จะให้ลูกรักจากไปอยู่ที่ไหนไกลๆด้วย สุดท้ายต๊อตติ ก็ได้เซ็นสัญญาเข้ามาเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของโรม่าจนได้ในปี 1989 ด้วยวัย 13 ปี

     ยิ่งเติบใหญ่พรสวรรค์ของเจ้าหนูอัจฉริยะคนนี้ก็ยิ่งเปล่งประกาย ต๊อตติ ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นในการไต่เต้าขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของโรม่า และได้รับโอกาสในการลงสนามเป็นเกมแรกในนัดที่โรม่า บุกไปเอาชนะเบรสชาได้ 2-0 เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 1993 ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นตำนานบทใหม่ของทีมโรม่า หลังจากนั้น เขาก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโรม่า และกลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกับได้รับฉายา "เจ้าชายหมาป่า" ซึ่งเป็นการสืบทอดตำแหน่งจากจูเซ็ปเป้ จานนินี่ เจ้าชายลูกหนังคนเก่าของชาวโรม่า

     จานนินี่ ได้ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างให้กับต๊อตติ ในการเป็นผู้นำของทีม "จัลโล่รอสซี่" คนต่อไป และเขาก็ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมตั้งแต่อายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น "เจ้าชายหมาป่า" ยิ่งเล่นก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ในตัวและเขาก็ก้าวถึงจุดสูงสุดเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2000-01 เมื่อนำโรม่า คว้าสคูเด็ตโต้ได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาและยังเป็นการนำสโมสรคืนสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหลังไม่ได้แชมป์มาตั้งแต่ฤดูกาล 1982-83 ซึ่งเขาก็ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของอิตาลีอีกด้วย

     ขวัญใจของชาวโรมานิสต้า ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในปีถัดมาแต่ก็ไม่สามารถต้านความแข็งแกร่งของยูเวนตุสได้ โรม่าจึงจบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ แต่ในอีก 2 ปีถัดไปต๊อตติ ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงท็อปฟอร์มที่สุดของชีวิต โดยเฉพาะในปี 2003-04 ที่ถล่มประตูไปถึง 20 ประตู แต่กระนั้นก็ยังทำได้เพียงแค่เป็นรองแชมป์ต่อจากเอซี มิลาน เท่านั้น หลังจากนั้นนาทีชีวิตของต๊อตติ ก็เริ่มตกต่ำเช่นเดียวกับโรม่าที่มีปัญหาภายในมากมาย โดยเฉพาะในฤดูกาล 2004-05 ที่มีการเปลี่ยนแปลงโค้ชในทีมมากถึง 4 คน แต่กระนั้นเขาก็ยังยิงได้ถึง 12 ประตูและเป็นผู้ทำแอสซิสท์ให้เพื่อนมากมายอีกหลายครั้ง และในปีนี้เองที่เขาทำสถิติทาบรัศมีตำนานรุ่นบุกเบิกของสโมสรอย่างโรแบร์โต้ ปรุสโซ่ ที่ 107 ประตูได้

     ในฤดูกาล 2005-06 โค้ชคนใหม่ของโรม่า อย่าง ลูเชียโน่ สปัลเล็ตติ ได้ปรับบทบาทของ ต๊อตติ มาเป็นจอมทัพตัวสร้างสรรค์เกมแทนที่จะเป็นศูนย์หน้าเหมือนอย่างเดิม และเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิง 15 ประตู ใน 24 นัด สามารถพาทีมชนะได้ 11 นัดติดต่อกันด้วย แต่แล้วเขาต้องโชคร้ายสุดขีด เมื่อได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นกระดูกขาหักรวมทั้งเส้นเอ็นขาดอีกด้วย ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวเเละต้องผ่าตัดหัวเข่าถึง 2 ครั้ง ต่อมาในฤดูกาล 2006-07 ต็อตตี้ กลับมาเล่นได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้งรวมถึงผลงานของโรม่าที่ติดกลุ่มบนของตารางอย่างสม่ำเสมอด้วย ส่วนหนึ่งมาจากชีวิตรักที่สวยงามกับอิลลาลี่ บลาชี่ ภรรยาสาวสวยที่ให้กำเนิดลูกชาย "คริสเตียน" ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต "เจ้าชายหมาป่า" มักจะฉลองประตูด้วยการจูบแหวนและดูดนิ้วหัวแม่มือเพื่อสื่อถึงภรรยาและลูกอันเป็นที่รักเสมอ เขาจบฤดูกาลในฐานะดาวซัลโวของเซเรีย อา ด้วยการกดไปถึง 26 ประตู และพาต้นสังกัดคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย โดยเอาชนะ อินเตอร์ ไปได้ 2-1


 

     ในฤดูกาล 2007-08 ต๊อตติ ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างคงเส้นคงวากับทีม "หมาป่า" โดยเขาลงสนามไปทั้งสิ้น 35 นัด ยิงไป 18 ประตู แต่ในฤดูกาล 2008-09 จนมาถึงตอนต้นของฤดูกาล 2009-10 โรม่าก็ประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ สปัลเล็ตติ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และก็เป็น รานิเอรี่ ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน จากการที่ไม่พ่ายแพ้ใคร 24 นัดติดต่อกันในเซเรีย อา ทำให้ โรม่า มีลุ้นแย่งแชมป์สคูเด็ตโต้กับ อินเตอร์ ในช่วง 3 นัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่ก็ทำไม่สำเร็จได้แค่ตำแหน่รองแชมป์ อย่างไรก็ตาม ต๊อตติ ก็พาลูกทีมเข้าชิงชนะเลิศในศึกโคปปา อิตาเลีย จนได้ และก็เป็น อินเตอร์ ที่เป็นคู่ชิง น่าเสียดายที่เขาต้องมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้ โรม่า แพ้ไป 0-1

     ในฤดูกาล 2010-11 โรม่า กลับมาฟอร์มตกอีกครั้ง คราวนี้ รานิเอรี่ ไม่ค่อยใช้งาน ต๊อตติ สักเท่าไหร่ ทำให้เขายิงได้แค่ 3 ลูกจากการลงสนาม 21 นัด แต่ รานิเอรี่ ก็ลาออกจากทีมไป และโรม่าก็ได้แต่งตั้ง วินเชนโซ่ มอลเตลล่า เพื่อนร่วมทีมเก่าของ ต๊อตติ เข้ามาคุมทีมแทน ซึ่ง มอลเตลล่า กลับไปใช้รูปแบบการเล่นเดียวกับ สปัลเลตติ ทำให้ ต๊อตติ กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้ง จบฤดูกาล เขาทำประตูในเซเรีย อา ได้ทั้งหมด 15 ประตู และเป็นการยิง 12 ลูกในการลงสนาม 13 นัดล่าสุดให้กับทีม "หมาป่า"

     ในฤดูกาล 2011-12 ต๊อตติ ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ผลงานของเขาก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เมื่อยิงได้แค่ 8 ประตู จากการลงสนาม 31 นัด ให้กับต้นสังกัด ต่อมาในฤดูกาล 2012-13 ด้วยวัยที่ใกล้ 36 ปี "เจ้าชายหมาป่า" ก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้ตามมาตรฐานของตัวเขา โดยเขาลงสนามให้กับทีมไปทั้งหมด 34 นัด ทำได้ 12 ประตู และในฤดูกาล 2013-14 นี้ ต๊อตติ รับใช้ต้นสังกัดไปแล้ว 7 นัด ยิงได้ 3 ประตู โดยล่าสุด เขาเพิ่งกดไป 2 ลูกในนัดที่ โรม่า บุกไปทุบ อินเตอร์ ถึงถิ่นซาน ซิโร่ 3-0 ช่วยให้ทีมทำสถิติเก็บชัยชนะ 7 นัดรวด

     สำหรับในนามทีมชาติอิตาลี ต๊อตติ รับใช้ทีมชาติมาตั้งแต่รุ่นเยาวชน โดยเขาติดทีมชาติครั้งแรกในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี และติดทีมชาติอิตาลีมาทุกชุด ไล่ตั้งแต่ รุ่นอายุไม่เกิน 16,18,21 และ 23 ปี จนมาถึงทีมชาติชุดใหญ่ เขาลงสนามให้ทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในนัดศึกยูโร 2000 รอบคัดเลือก ที่พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 1998 หลังจากนั้น ต๊อตติ ก็เป็นกำลังสำคัญให้กับ "อัซซูรี่" มาโดยตลอดในทุกรายการ ปัจจุบัน ต๊อตติ เลิกรับใช้ทีมชาติไปแล้ว แต่สถิติที่เขาลงสนามช่วยทีมชาติอิตาลีนั้นอยู่ที่ 58 นัด ยิงได้ 9 ประตู

     ชื่อของ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ สำหรับบรรดาแฟนบอลทั้งหลาย คงไม่ต้องมีคำบรรยายมากมายถึงความสำเร็จและความสามารถของเขาอีกแล้ว ถึงเขาจะโลดเล่นอยู่ในสนามหญ้าได้อีกไม่นาน เพราะอยู่ในบั้นปลายของชีวิตการค้าแข้งแล้ว แต่เชื่อได้เลยว่า วงการลูกหนังโลกต้องจารึกชื่อของเขาไว้นานตลอดไปแน่นอน
 

Updated by [G]

ADS