ประวัติ เซสโก้ เพชฌฆาตถล่มตาข่าย-ความหวังใหม่ของทัพปีศาจแดง

sittiwut | 24/12/2025 11:44 น. | 5 Views

 

ชื่อเต็ม : เบนจามิน เซสโก้ (Benjamin Sesko)
วัน/เดือน/ปีเกิด : 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2003
ส่วนสูง : 1.95 ซม.
ตำแหน่ง : กองหน้า
สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


             เบนจามิน เซสโก้ ดาวยิงร่างยักษ์ชาวสโลวีเนีย คือหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของยุโรปในยุคปัจจุบัน โดยตอนนี้เขาค้าแข้งอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมรับใช้ทีมชาติสโลวีเนียในนามทีมชาติชุดใหญ่อีกด้วย

             เส้นทางลูกหนังของเซสโก้เริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่อเขาย้ายจาก ดอมซาเล่ มาเข้าอยู่กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปีในปี 2019 ก่อนถูกส่งไปขัดเกลาฝีเท้ากับทีมสำรอง เอฟซี ไลเฟอริง เป็นเวลา 2 ฤดูกาล ซึ่งเจ้าตัวระเบิดฟอร์มซัดไป 22 ประตูจาก 44 นัด ในลีกระดับดิวิชั่นสองของออสเตรีย

             ต่อมาในเดือนมกราคม 2021 เซสโก้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของซัลซ์บวร์กอย่างเต็มตัว และได้กลายเป็นกำลังสำคัญพาทีมผงาดคว้าแชมป์ ออสเตรียน บุนเดสลีกา 3 สมัย พร้อม ออสเตรียน คัพ อีก 1 ใบ ตอกย้ำสถานะดาวยิงอนาคตไกล

             ผลงานอันโดดเด่นทำให้ในเดือนกรกฎาคม 2023 เขาได้รับโอกาสย้ายไปลุยศึก บุนเดสลีกา เยอรมนี กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งเซสโก้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยิงรวม 39 ประตูจาก 87 นัดตลอดสองฤดูกาล พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ ได้สำเร็จอีด้วย

             ในนามทีมชาติ เซสโก้ ผ่านการติดทีมสโลวีเนียชุดเยาวชนครบทุกระดับ ก่อนสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ ในปี 2021 ด้วยวัยเพียง 18 ปี และไม่นานหลังจากนั้นก็จารึกชื่ออีกครั้ง เมื่อยิงประตูแรกในทีมชาติได้ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ทำให้เขากลายเป็นดาวยิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมชาติสโลวีเนียอีกด้วย


เส้นทางลูกหนังช่วงแรก :

             เบนจามิน เซสโก้ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังตั้งแต่วัยเยาว์กับสโมสรบ้านเกิดอย่าง ราเดเช่ (Radeče) ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก่อนจะย้ายไปเก็บประสบการณ์กับ Rudar Trbovlje ในทีมชุดอายุไม่เกิน 11 ปี เป็นเวลา 1 ฤดูกาล แล้วจึงกลับมาพัฒนาฝีเท้ากับราเดเช่อีกครั้ง

             ในปี 2016 เซสโก้ได้ก้าวสู่ก้าวสำคัญเมื่อย้ายไปอยู่กับ เครสโก (Krško) และลงเล่นในทีมชุดอายุไม่เกิน 15 ปี และ 17 ปี โดยในฤดูกาล 2017–18 เจ้าตัวระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรง ยิงไปถึง 59 ประตูจาก 23 นัด ในทีมยู-15 กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในวงการฟุตบอลเยาวชนสโลวีเนียอย่างรวดเร็ว

             ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงส่งให้ในปี 2018 เขาย้ายสู่สโมสร ดอมซาเล่ และใช้เวลา 1 ฤดูกาลที่นั่น เพื่อปูทางสู่ฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว


ก้าวสู่เวทีใหญ่กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก :

             ด้วยวัยเพียง 16 ปี เซสโก้ตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางระดับยุโรป เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2019 เขาเซ็นสัญญาอาชีพ 3 ปีกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก สโมสรชั้นนำของออสเตรีย


             หลังผ่านช่วงขัดเกลาฝีเท้า เซสโก้ ก็ได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมออสเตรียน บุนเดสลีกา เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2021 โดยลงเล่นในเกมที่ซัลซ์บวร์กเปิดบ้านเอาชนะ ทีเอสวี ฮาร์ทแบร์ก 3-0 นับเป็นก้าวแรกของเขาบนเวทีลีกสูงสุดอย่างแท้จริง


ยืมตัวไปล่าตาข่ายกับ เอฟซี ไลเฟอริง

             ทันทีหลังเซ็นสัญญากับซัลซ์บวร์ก เซสโก้ถูกส่งไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมอย่าง เอฟซี ไลเฟอริง ในศึกออสเตรียน เซคันด์ ลีก และที่นั่นเอง ดาวยิงรายนี้ก็แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว

             โดยในฤดูกาล 2020–21 เซสโก้ซัดไปถึง 21 ประตูจาก 29 นัด คว้าตำแหน่งดาวซัลโวอันดับสองของลีก โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลที่เจ้าตัวฟอร์มเข้าฝัก ยิงไปถึง 13 ประตูจาก 7 นัดสุดท้าย โชว์ให้เห็นถึงสัญชาตญาณเพชฌฆาตที่หาได้ยากในนักเตะวัยเดียวกัน ซึ่งผลงานดังกล่าวกลายเป็นใบเบิกทางสำคัญ ที่ผลักดันให้ชื่อของเบนจามิน เซสโก้ ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของยุโรปในเวลาต่อมา


แอร์เบ ไลป์ซิก :

             วันที่ 9 สิงหาคม 2022 แอร์เบ ไลป์ซิก ประกาศคว้าตัว เบนจามิน เซสโก้ ล่วงหน้า โดยระบุชัดว่าจะย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2023 พร้อมเซ็นสัญญาระยะยาว 5 ปี ถึงปี 2028 ด้วยค่าตัวราว 24 ล้านยูโร ถือเป็นการลงทุนกับกองหน้าดาวรุ่งที่ถูกจับตามองทั่วทวีปยุโรป

             เซสโก้ เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งในบุนเดสลีกาได้อย่างน่าจดจำ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2023 เขายิงประตูแรกให้ไลป์ซิกด้วยการเหมาสองลูกพาทีมบุกเอาชนะ ยูนิโอน เบอร์ลิน 3-0 พร้อมหยุดสถิติไร้พ่ายในบ้านของเจ้าถิ่นที่ยาวนานถึง 24 นัด ลงได้อย่างเด็ดขาด ไม่เพียงเท่านั้นในวันที่ 19 กันยายน ปีเดียวกัน ดาวยิงชาวสโลวีเนียยังจารึกชื่อบนเวทีใหญ่ยุโรป เมื่อยิงประตูแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในเกมที่ไลป์ซิกบุกชนะ ยัง บอยส์ 3-1 ประเดิมรายการฤดูกาล 2023–24 ได้อย่างสวยงาม


             ฤดูกาลแรกกับไลป์ซิก เซสโก้ ซัดไป 18 ประตูรวมทุกรายการ พร้อมสร้างสถิติสุดโหด กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา ที่ทำประตูได้ 7 นัดติดต่อกัน ด้วยวัยเพียง 20 ปี 353 วัน ตอกย้ำสถานะกองหน้าดาวรุ่งระดับท็อปของยุโรปอย่างแท้จริง ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงทำให้ในเดือนมิถุนายน 2024 เซสโก้ ตกเป็นเป้าหมายของบิ๊กทีมทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเอซี มิลาน ทว่าดาวยิงรายนี้เลือกปฏิเสธทุกข้อเสนอ และตัดสินใจฝากอนาคตไว้กับไลป์ซิกต่อไป ด้วยการขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี ยาวถึง ปี 2029

             ฤดูกาล 2024–25 เซสโก้ก้าวขึ้นมาเป็น ดาวซัลโวสูงสุดของแอร์เบ ไลป์ซิก พร้อมทำสถิติส่วนตัวใหม่ ยิงไปถึง 21 ประตูรวมทุกรายการ ยิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่ใช่แค่ดาวรุ่งที่น่าจับตา แต่กำลังเติบโตเป็นกองหน้าระดับแถวหน้าของเวทียุโรปอย่างเต็มตัวอีกด้วย


ก้าวสู่โรงละครแห่งความฝัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :

             ในวันที่ 9 สิงหาคม 2025 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศคว้าตัว เบนจามิน เซสโก้ มาร่วมทัพอย่างเป็นทางการ ด้วยสัญญาระยะยาว 5 ปี ถึงปี 2030 พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะชาวสโลวีเนียคนแรกที่ได้สวมเสื้อ "ปีศาจแดง" ดีลนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในดีลใหญ่แห่งตลาดนักเตะ เมื่อมีรายงานว่าค่าตัวเบื้องต้นอยู่ที่ 76.5 ล้านยูโร พร้อมโบนัสตามผลงานอีก 8.5 ล้านยูโร สะท้อนความเชื่อมั่นของสโมสรที่มีต่อศักยภาพของกองหน้าดาวรุ่งรายนี้อย่างเต็มที่



             เซสโก้ ได้ประเดิมสนามในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2025 โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในเกมเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก นัดที่พ่าย อาร์เซน่อล 0-1 แม้ทีมจะไม่สมหวังกับผลการแข่งขัน แต่การลงสนามครั้งแรกก็ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางใหม่ของเจ้าตัว

             ก่อนที่ช่วงปลายเดือนกันยายน แฟนบอล "ปีศาจแดง" จะได้เห็นชื่อของเขาบนสกอร์บอร์ดเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 กันยายน เซสโก้ซัดประตูแรกในสีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ในเกมบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด แม้สุดท้ายทีมจะพ่าย 1-3 แต่ประตูดังกล่าวก็เป็นสัญญาณว่า ดาวยิงชาวสโลวีเนียเริ่มปรับตัวกับเวทีพรีเมียร์ลีกได้แล้ว

ทีมชาติสโลวีเนีย :

             แม้จะมีสิทธิ์เลือกรับใช้ได้ทั้ง สโลวีเนีย และ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (จากเชื้อสายฝั่งมารดาที่มาจากเมืองโดบอย) แต่ เบนจามิน เซสโก้ ตัดสินใจเลือกสวมเสื้อทีมชาติสโลวีเนีย และรับใช้ชาติมาตั้งแต่ระดับเยาวชน ไล่ตั้งแต่ชุดยู-15, ยู-16, ยู-17 จนถึงยู-19

             เซสโก้ ประเดิมสนามให้ทีมชาติชุดยู-19 ในเกมอุ่นเครื่องพบกับ ออสเตรีย เมื่อเดือนกันยายน 2020 ก่อนจะก้าวกระโดดขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว

             เดือนพฤษภาคม 2021 เขาถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกโดย มัทยาซ เค็ค กุนซือทีมชาติสโลวีเนีย เพื่อเตรียมลงสนามในเกมอุ่นเครื่องช่วงเดือนมิถุนายน และในวันที่ 1 มิถุนายน 2021 เซสโก้ ก็ได้ประเดิมสนามในเกมเสมอ นอร์ทมาซิโดเนีย 1-1 ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 18 ปี กับอีก 1 วัน กลายเป็น นักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติสโลวีเนีย ทำลายสถิติเดิมของ เปตาร์ สโตยาโนวิช ที่ยืนยงมากว่า 7 ปี


             ไม่เพียงเท่านั้น วันที่ 8 ตุลาคม 2021 เซสโก้ ยังจารึกชื่ออีกครั้ง เมื่อยิงประตูแรกในนามทีมชาติได้ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เกมพบ มอลตา ด้วยวัย 18 ปี 4 เดือน 8 วัน กลายเป็นดาวยิงที่อายุน้อยที่สุดตลอดกาลของทีมชาติสโลวีเนีย

             ผลงานของเซสโก้ยังมีส่วนสำคัญในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022–23 ลีกบี เมื่อเขายิงสองประตูสำคัญช่วยให้สโลวีเนียรอดพ้นการตกชั้นลงสู่ลีกซี โดยเกมไฮไลต์คือการทำ 1 แอสซิสต์ และซัดประตูชัยพาทีมเฉือนชนะ นอร์เวย์ 2-1 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2022 ก่อนจะยิงประตูสุดสวยในเกมเสมอ สวีเดน 1-1 อีกสามวันถัดมา โดยประตูดังกล่าวถูกสื่อยกย่องว่าเป็น “วันเดอร์โกล” และยังได้รับการเสนอชื่อจากยูฟ่าให้เป็นหนึ่งในประตูยอดเยี่ยมประจำแมตช์เดย์ อีกด้วย

             ในศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือก เซสโก้ทำหน้าที่หัวหอกตัวความหวังได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยิง 5 ประตูจาก 9 นัดในกลุ่ม H คว้าตำแหน่งดาวซัลโวประจำทีม และพาสโลวีเนียคว้าตั๋วผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000

ใ             นรอบสุดท้าย ยูโร 2024 เซสโก้มีชื่อติดทีมชุดลุยทัวร์นาเมนต์ และลงสนามครบทั้ง 4 นัด พาทีมสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่ รอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรก ก่อนจะยุติเส้นทางด้วยการพ่าย โปรตุเกส ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากการดวลจุดโทษอย่างสุดระทึก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2024 เซสโก้ระเบิดฟอร์มอีกครั้ง ด้วยการทำแฮตทริกแรกในนามทีมชาติพาสโลวีเนียเอาชนะ คาซัคสถาน 3-0 ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2024–25 ลีกบี ตอกย้ำสถานะศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งและหัวใจหลักของทัพสโลวีเนียในยุคปัจจุบัน


สไตล์การเล่น :

             เบนจามิน เซสโก้ คือกองหน้าตัวเป้าร่างยักษ์สมัยใหม่ ที่ผสานทั้งพละกำลังและความเร็วไว้ในร่างเดียว ด้วยส่วนสูง 195 เซนติเมตร ทำให้เขาโดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ ควบคู่กับจุดขายอย่างการจบสกอร์ที่หนักหน่วงและเด็ดขาด

             แม้จะเป็นกองหน้ารูปร่างสูงใหญ่ แต่เซสโก้กลับมีความเร็วที่สวนทางกับสรีระ โดยเคยทำสถิติความเร็วสูงสุดถึง 35.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช้ากว่านักเตะที่เร็วที่สุดในบุนเดสลีกาเพียง 1.5 กม./ชม. เท่านั้น ทำให้เขาเป็นศูนย์หน้าที่พร้อมโจมตีแนวรับได้ทั้งจากลูกกลางอากาศและการฉีกหนีด้วยสปีดที่จัดจ้าน


             ด้วยศักยภาพรอบด้าน เซสโก้ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน กองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของยุโรป และด้วยการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งทางกายภาพและทักษะการเล่นบอล ทำให้หลายฝ่ายนำเขาไปเปรียบเทียบกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงระดับตำนาน ซึ่งเซสโก้เองก็เคยยอมรับว่าเป็นไอดอลและแบบอย่างในช่วงเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังอีกด้วย

             นักวิเคราะห์ด้านการเสริมทัพมองว่า เซสโก้ คือกองหน้าสไตล์ "คลินิคอล ฟินิชเชอร์" ที่ไม่เพียงยืนค้ำรอจบสกอร์ในกรอบเขตโทษ แต่ยังสามารถถอยลงมาเล่นในพื้นที่ว่าง พักบอล ปะทะกองหลัง และเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีมในแดนบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

             จากเดิมที่ถูกใช้งานเป็นศูนย์หน้าสายจบสกอร์อย่างชัดเจน เซสโก้ค่อยๆ พัฒนาบทบาทของตัวเองให้มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวะต่อบอลและการขึ้นเกมในพื้นที่สุดท้าย เขาเริ่มถอยต่ำลงมาช่วยเชื่อมเกม สร้างทางเลือกในเกมรุก และมีส่วนกับการครองบอลของทีม มากกว่าการรอจังหวะสังหารเพียงอย่างเดียว

ADS