ประวัติ เฮนริค ลาร์สสัน

| 01/01/1970 07:00 น. | 1927 Views

 

เฮนริค ลาร์สสัน "ดาวยิงระดับตำนานของสวีเดน"

เฮนริค ลาร์สสัน  ยอดศูนย์หน้าชาวสวีดิช มีชื่อเต็มว่า “เอ็ดเวิร์ด เฮนริค ลาร์สสัน” เกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน ปี 1971 ที่เมืองเฮลซิงบอร์ก ประเทศสวีเดน โดยเขาโด่งดังสุดขีด สมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ สโมสร กลาสโกว์ เซลติก ทีมดังในลีกประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ถึง 7 ปี และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้ถึง 4 สมัย

ก่อนที่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 ลาร์สสัน จะย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า ยอดทีมในลีก ลาลีกา สเปน พร้อมกับคว้าแชมป์ ลา ลีกา และ แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับทีม “เจ้าบุญทุ่ม” มาได้ 2 สมัย และ 1 สมัย ตามลำดับ  และพอหมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า ในปี 2006 ลาร์สสัน ก็กลับไปค้าแข้งกับทีมในบ้านเกิดอย่าง เฮลซิงบอร์ก ก่อนที่ จะถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืมตัวไปใช้งานในระยะสั้นๆ ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2007

ก่อนหน้านี้ ลาร์สสัน เคยประกาศอำลาทีมชาติสวีเดน ในปี 2006 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุ 34 ปี ด้วยสถิติลงเล่นให้กับทีม “ไวกิ้ง” 93 นัด ยิงได้ 36 ประตู อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2008 ลาร์สสัน ก็ตัดสินใจกลับมารับใช้ชาติอีกครั้งในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2008”  รอบสุดท้าย ที่ประเทศ ออสเตรีย และ สวิตเวอร์แลนด์  

เล่นฟุตบอลอาชีพ

1988-1997 : เริ่มต้นชีวิตค้าแข้ง

ลาร์สสัน เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสโมสรโนเนมอย่าง โฮกาบอร์ก ในบ้านเกิด ตั้งแต่อายุ 17 ปี ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมดังของประเทศ อย่าง เฮลซิงบอร์ก ในฤดูกาล 1992/1993 และก็สร้างผลงานน่าประทับใจภายในฤดูกาลเดียว เมื่อซัดไประเบิดเถิดเทิงถึง 50 ประตู จากการลงสนาม 56 นัด ให้กับ เฮลซิงบอร์ก และนั่นก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นมาในวงการลูกหนังยุโรป จนได้รับข้อเสนอจาก กราสช็อปเปอร์ ซูริช ทีมดังของสวิตเซอร์แลนด์ และ เฟเยนูร์ด ทีมดังของฮอลแลนด์ ก่อนที่เขาจะไปลงเอยกับ เฟเยนูร์ด ในปี 1993 ด้วยค่าตัว 295,000 ปอนด์ (ประมาณ 18.5 ล้านบาท)

1997-2004 : แจ้งเกิดกับ กลาสโกว์ เซลติก

หลังจากลงสนามให้กับ เฟเยนูร์ด ตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปี 1997 เป็นเวลากว่า 4 ปี ลงสนามไป 101 นัด ยิงได้ 26 ประตู ซึ่งอาจจะดูน้อยไปหน่อยแต่ก็เพราะเขาเล่นให้กับ เฟเยนูร์ด ในตำแหน่งกองหน้าตัวพักบอล จ่ายบอลมากกว่าการเป็นกองหน้าตัวเป้าสำหรับทำประตูอย่างเดียว จนมาถึงในปี 1997ลาร์สสัน ก็ถูก วิม แยนเซ่น กุนซือขอ เซลติก ในตอนนั้น ซื้อตัวมาลงเล่นในลีกสกอตแลนด์ ด้วยค่าตัว 650,000 ปอนด์ (ประมาณ 40.9 ล้านบาท)  

 เฮนริก ลาร์สสัน

henric

เฮนริคๆ 

hinrik

 เฮ้นริค

และแม้ว่า ลาร์สสัน จะออกเริ่มต้นไม่สวยในการลงสนามให้กับ เซลติก ทั้งจ่ายบอลไปโดน คริค ชาร์นลี่ย์ นักเตะของฮิบส์ ฉกมายิงประตูให้ ฮิบส์ ชนะ เซลติก 2-1 และทำเข้าประตูตัวเองในการลงเล่นเกมยุโรป ให้กับ เซลติก เป็นนัดแรก แต่ในท้ายที่สุดเขาก้เริ่มปรับตัวและพัฒนาฝีเท้าได้ดีขึ้นจนสามารถพา เซลติก คว้าแชมป์ พรีเมียร์ติช สกอตต์ และ ลีก คัพ มาครองได้สำเร็จ เพียงฤดูกาลแรกที่เขามาร่วมทีม พร้อมกับหยุดสถิติการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 9 สมัยติดต่อกันของทีมคู่แค้นร่วมเมืองอย่าง กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ได้อีกด้วย และนับตั้งแต่นั้น มาเขาก็กลายเป็นนักเตะขวัญใจตลอดกาลคนหนึ่งของเซลติกไปในที่สุด

ลาร์สสัน ลงสนามให้กับ เซลติก ไปทั้งหมด 315 นัด ในช่วงปี 1997-2004 และยิงได้มากมายถึง 242 ประตู ทำให้เขาเป็นอันดับ 3 ของดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของเซลติก แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ขาหัก จนต้องพักยาวไปนานเกือบปี จากในนัดที่ลงสนามในศึกยูฟ่า คัพ ที่ เซลติก ออกไปเยือน โอลิมปิก ลียง ที่ฝรั่งเศส

ในปี 2001 ลาร์สสัน ยิงระเบิดเถิดเทิง 35 ประตู ในลีกสูงของสกอตแลนด์ และถ้านับรวมทุกรายการเขายิงไปถึง 53 ประตู ทำให้เขาได้รับรางวัลดาวซัลโว "รองเท้าทองคำ" ของยุโรป ไปครองอย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะมีเสียงค่อนขอดบ้างว่าที่เขายิงได้ประตูได้เยอะขนาดนั้น ก็เพราะลงเล่นในสกอตแลนด์ ที่มาตรฐานของเกมลูกหนังยังถือว่าอ่อนชั้นก็ตาม

2004-2006 : ความท้าทายใหม่ กับ บาร์เซโลน่า หลังจากที่ลงรับใช้ เซลติก มานานร่วม 7 ปี ลาร์สสัน ก็ขอย้ายออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ให้กับอาชีพค้าแข้ง เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เก่งแต่ในสกอตแลนด์ เท่านั้น โดยได้ย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า ในปี 2004 และแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บหนักจนแทบจะไม่ได้ลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2004/2005 แต่เขาก็ยังได้รับไว้วางใจจากทางสโมสร ที่จะเก็บเขาไว้ลงเล่นในฤดูกาลต่อมา คือ 2005/2006

ในการทำศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ บาร์เซโลน่า มีอยู่นัดหนึ่งที่เขาต้องร่วมทีมบาร์ซ่า มาลงเตะกับ เซลติก ที่สนามเซลติก ปาร์ค และเขาก็ทำประตูทีมต้นสังกัดเก่าได้ด้วย แต่ก็ไม่อาจจะดีใจได้มากมายนัก โดยเขาให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันนัดดังกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมจริงๆ ที่จะดีใจหลังจากยิงประตูได้ เพราะผมมีช่วงเวลาที่ดีมากมาย ในการลงเล่นที่นี่"

ในเดือนมกราคม ปี 2006 ลาร์สสัน ออกมาประกาศว่าเขาตัดสินจะย้ายจาก บาร์เซโลน่า กลับไปเล่นใน สวีเดน หลังจากที่หมดสัญญากับสโมสรในเดือนกรกฎาคมปี 2006 แม้ว่า โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรบาร์ซ่า จะเสนอสัญญาอีก 1 ปี ให้กับเขา ก็ตาม แต่ ลาร์สสัน คิดว่าในวัย 34 ปี เขาก็ประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งมามากมายแล้ว มันถึงเวลาที่เขาจะกลับไปใช้ปีสุดท้ายในอาชีพนักเตะ ด้วยการลงเล่นในบ้านเกิดของตัวเอง

ในฤดูกาลสุดท้ายกับ บาร์เซโลน่า นั้น ลาร์สสัน ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ลา ลีกา มาครองได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้ ด้วยการเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-1 โดยในนัดนั้น ลาร์สสัน เป็นตัวสำรอง และ บาร์ซ่า ก็โดน อาร์เซน่อล ทำประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 ทั้งที่มีผู้เล่นมากกว่า จากการที่ เยนส์ เลห์มันน์ นายทวารของอาร์เซน่อล โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป

แต่หลังจากที่ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด กุนซือของบาร์เซโลน่า เปลี่ยนตัวเอา ลาร์สสัน ลงสนามไป บาร์เซโลน่า ก็พลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้ โดยที่ ลาร์สสัน มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อเขาจ่ายบอลอย่างเฉียบขาดให้ ซามูเอล เอโต้ ยิงประตูตีเสมอได้ ก่อนจะจ่ายบอลให้ ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ ตัวสำรองด้วยกัน ยิงประตูชัยให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ยุโรป สมัยที่ 2 มาครองได้

ผลบอล , live score 

หลังจากจบการแข่งขันนัดนั้น เธียร์รี่ อองรี ดาวยิงคนสำคัญของอาร์เซน่อล กล่าวชื่นชม ลาร์สสัน ว่า "ผู้คนพากันพูดถึง โรนัลดินโญ่ ว่าจะเป็นนักเตะสำคัญในนัดนี้ แต่ผมคิดว่า เฮนริค ลาร์สสัน ต่างหากที่โดดเด่น ผมเห็น ลาร์สสัน 2 ครั้ง และเขาก็เปลี่ยนแปลงเกมได้ทั้ง 2 ครั้ง ที่ได้บอล แม้ว่าบางครั้งคุณจะพูดถึงแต่ โรนัลดินโญ่ กับ เอโต้ แต่นักเตะที่สมควรได้รับการสรรเสริญในนัดนี้ก็คือ ลาร์สสัน" 


2006-ปัจจุบัน : กลับมาค้าแข้งในบั้นปลายกับ เฮลซิงบอร์ก

หลังจาก สวีเดน กระเด็นตกรอบศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายที่ประเทศ เยอรมัน ในปี 2006 ลาร์สสัน ก็กลับไปใช้ชีวิตค้าแข้งในบั้นปลายของตนเองกับสโมสรเก่าในบ้านเกิดอย่าง เฮลซิงบอร์ก ในวันที่ 24 มิถุนายน 2006

2007 : ย้ายไปเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในแบบยืมตัว

ผลบอล , live score 

หลังจากที่ ลงสนามให้กับ เฮลซิงบอร์ก ไปเพียงชั่วสั้นๆ ลาร์สสัน ก็เซ็นสัญญาไปร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด แบบยืมตัว เป็นเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 12 มีนาคม 2007 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ลีกประเทศสวีเดนปิดฤดูกาลพอดี โดย ลาร์สสัน ทำประตูให้ “ปีศาจแดง” ไปทั้งสิ้น 3 ลูก จากการลงสนาม 11 นัด  ซึ่งประตูแรก เกิดขึ้นในเกมเอฟเอ คัพ รอบสาม ที่พบกับ แอสตัน วิลล่า ณ สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจากนั้น ลาร์สสัน ก็ยิงประตูแรกของเขาในเกมพรีเมียร์ชิพสำเร็จในนัดที่ถล่ม วัตฟอร์ด 4-0 ก่อนที่จะมาทำประตูสุดท้ายบนเกาะอังกฤษในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เอาชนะ ลีลล์ 1-0 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2007

ลาร์สสัน ลงเล่นในนามขุนพล “เร้ดเดวิลส์” ในเกมเอฟเอ คัพ ที่เสมอกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ 2-2 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2007 และแม้ว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะพยายามขยายสัญญายืมตัว และ โน้มน้าวให้ ลาร์สสัน อยู่กับทีม่ต่อไป แต่ ลาร์สสัน ก็ปฏิเสธในความหวังดีนั้น โดยให้เหตุผลว่า เขาได้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับครอบครัวและต้นสังกัดที่แท้จริงว่าจะกลับไปที่สวีเดน ในวันที่ 12 มีนาคม 2007 

ในอีก 2 เดือนถัดมาที่ ลาร์สสัน ออกจากทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สามารถปิดฉากฤดูกาล 2006/2007 ด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ มาครองได้สำเร็จ  และถึงแม้ว่า ลาร์สสัน จะไม่ได้ลงสนามให้ทีมครบ 10 นัด ตามกฎที่จะได้รับเหรียญแชมป์ เช่นเดียวกับ อลัน สมิธ ดาวยิงเพื่อนร่วมทีม แต่ในที่สุด จากการที่ สโมสรได้ร้องขอไปทาง พรีเมียร์ลีก ก็ทำให้ ลาร์สสัน และ สมิธ ได้รับเหรียญแชมป์ เป็นกรณีพิเศษ และแขวนสตั๊ดหลังจากหมดสัญญายืมตัว

ทีมชาติสวีเดน

 ลาร์สสัน ลงสนามให้กับทีมชาติสวีเดน ไปแล้ว 96 นัด ทำได้ 36 ประตู  โดยประตูส่วนใหญ่เกิดจากการที่เขาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ หรือ ปีก ให้กับทีม และดาวยิงรายนี้ ทำประตูได้ในการแข่งขันรายการใหญ่ๆของโลก มาแล้ว ทั้งฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพ และ สวีเดน ได้อันดับ 3 รวมทั้งฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ และในรอบสุดท้ายของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2000 ที่เบลเยี่ยม และ ฮอลแลนด์ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ และ ปี 2004 ที่โปรตุเกส เป็นเจ้าภาพ

ครั้งหนึ่ง ลาร์สสัน ได้เคยประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติไปแล้วในปี 2002 ก่อนจะกลับมาช่วยทีมอีก ในรอบคัดเลือกของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโป ปี 2004 เมื่อถูกขอร้องโดย เลนนาร์ท โยฮันส์สัน ประธานของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป ซึ่งเป็นชาวสวีเดน รวมทั้ง นายกรัฐมนตรีของประเทศสวีเดน และในเกมยูโร 2004 รอบสุดท้าย ที่ ประตุเกส ลาร์สสัน

ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขาทำไป 3 ประตู จากการลงเล่น 4 นัด พร้อมกับช่วยให้ สวีเดน ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนที่จะจบทัวร์นาเม้นต์ไปพ่ายจุดโทษให้กับ ฮอลแลนด์ ในรอบดังกล่าว  แต่ทว่า ลูกโหม่งของ ลาร์สสัน ที่ทำได้ในเกมกับ บัลแกเรีย ในรอบแบ่งกลุ่ม ก็ได้รับการโหวตให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์  

จากนั้นอีก 2 ปี ลาร์สสัน ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 34 ปี ก็ยังมีชื่อติดทีมชาติสวีเดน ไปลุย ศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศ เยอรมัน โดยเขาเป็นผู้ยิงประตูในนาทีสุดท้าย ช่วยชีวิตให้ สวีเดน เสมอกับ อังกฤษ 2-2 ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม และพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ต้องตกรอบไปอีกครั้ง หลังพ่ายให้กับ เยอรมัน 0-2

ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2006 ลาร์สสัน ประกาศอำลาทีมชาติเป็นครั้งที่ 2 อย่างไรเสีย เขาก็ถูก ลาร์ส ลาร์เกอร์บัค โค้ชทีม “ไวกิ้ง” คนปัจจุบัน เกลี้ยกล่อมให้กลับมาเล่นให้กับ สวีเดน อีกครั้ง และ.ในที่สุด ลาร์สสสัน ก็ยอมใจอ่อน จนนำมาสู่การหวนคืนทีมชาติของยอดดาวยิงผู้นี้เป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ สมาคมฟุตบอลสวีเดน (เอสเอฟเอ) ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2008 ว่า ลาร์สสัน ตกลงกลับมาเล่นให้ทีมสวีเดนชุดลุยศึกยูโร 2008 รอบสุดท้าย ที่ประเทศออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นที่เรียบร้อย

ชีวิตส่วนตัว

 ผลบอล , live score 
ผลบอล , live score 

ลาร์สสัน มีเชื้อสายของชาวหมู่เกาะเคปเวิร์ด ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา โดยเขาได้เชื้อสายนี้จากคุณพ่อที่อพยพมาอยู่ในประเทศสวีเดน ขณะที่คุณแม่ของลาร์สสัน เป็นชาวสวีดิช

ในปี 1996 ลาร์สสัน แต่งงานกับ แม็กดัลเลน่า ภรรยาคนปัจจุบัน และมีลูกวัยกำลังน่ารักด้วยกัน 2 คน โดยคนโตเป็นเด็กผู้ชาย ชื่อ จอร์แดน (1997) ส่วน คนเล็กเป็นเด็กผู้หญิง ชื่อ เยเลลน่า (2002)

ลาร์สสัน ยังคงเดินทางไปที่ สกอตแลนด์ เพื่อไปตรวจสุขภาพกับ ดร.พอล ไบรสัน อยู่เป็นประจำ 

ผลบอล , live score 

เกียรติประวัติ

ในปี 2004 ลาร์สสัน ได้รับการยกย่องอย่างมาก จากประเทศบ้านเกิด เมื่อเขาได้รับการประกาศให้เป็น นักฟุตบอลที่ดีที่สุดของสวีเดน ในรอบ 50 ปี ที่ผ่านมา นอกจากนั้นเขายังได้รับปริญญาดุษฏี บัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ สตราธไคลด์ ในกรุงกลาสโกว์ ของสกอตแลนด์ เมื่อปี 2005 จากผลงานในสนามฟุตบอลของเขา รวมทั้งการอุทิศตนช่วยเหลืองานการกุศลอีกด้วย และในเดือนพฤษภาคม 2006 ลาร์สสัน ก็ได้รับเครื่องราชย์ฯ ชั้น MBE จากสำนักพระราชวังของสหราชอาณาจักร จากคุณงามความดีที่ช่วยส่งเสริมวงการฟุตบอลสกอตแลนด์ ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นไปอีก


สโมสร
ดัตช์ คัพ : 2 สมัย (1993-94, 1994-95)
สกอตติช พรีเมียร์ลีก : 4 สมัย (1997-98, 2000-01, 2001-02, 2003-04)
สกอตติช ลีก คัพ : 2 สมัย (1997-98, 2000-01)
สกอตติช คัพ : 2 สมัย (2000-01,  2003-04)
ยูฟ่า คัพ (รองแชมป์) : 1 สมัย (2002-03)
สแปนิช ลีก : 2 สมัย (2004-05, 2005-06)
สแปนิช ซูเปอร์ คัพ : 1 สมัย (2005-06)
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 1 สมัย (2005-06)
สวีดิช คัพ : 1 สมัย (2006)
พรีเมียร์ลีก : 1 สมัย (2006-07) (กรณีพิเศษ)

ทีมชาติสวีเดน
ฟุตบอลโลก (อันดับ 3) : 1 สมัย (1994)

ส่วนตัว
โกลเด้น บูท : 1 สมัย (2000-01)
กูลด์บอลเลน : 2 สมัย (1998, 2004)
นักฟุตบอลที่ดีที่สุดของสวีเดน : 1 สมัย (2005)
ดาวยิงสูงสุดลีกสกอตต์ : 1999, 2001, 2002, 2003, 2004
นักเตะที่ยิงประตูสูงสุดในลีกสกอตต์ : 1998-2004
เหรียญเครื่องราชย์ เอ็มบีอี (สหราชอาณาจักร) : 2006
เหรียญเครื่องรายชย์ เอช.เอ็ม เดอะคิงส์ (สวีเดน) : 2007

ADS