ประวัติ มิลอส เคอร์เคซ แบ็กซ้ายจอมลุยกับความฝันที่ต้องไปให้ถึง

sittiwut | 13/11/2025 13:31 น. | 11 Views



ชื่อเต็ม : มิลอส เคอร์เคซ

วันเดือนปีเกิด : 7 พฤศจิกายน 2003
สถานที่เกิด : เวอร์บาส, เซอร์เบีย และมอนเตเนโกร
ส่วนสูง : 180 ซม.
ตำแหน่ง : แบ็คซ้าย, วิงแบ็คซ้าย


          มิลอส เคอร์เคซ (Miloš Kerkez)
เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 — เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวฮังการี เชื้อสายเซอร์เบีย ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กซ้าย วิงแบ็กซ้าย หรือกองกลางฝั่งซ้าย ได้ทั้งหมด โดยในปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับสโมสรลิเวอร์พูล แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

          แม้จะเกิดที่ประเทศเซอร์เบีย แต่เคอร์เคซเลือกลงเล่นในนามทีมชาติฮังการี และกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดในยุโรป

          เคอร์เคซ เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Nemzeti Sport ว่า ทั้งคุณพ่อชาวเซอร์เบียและคุณยายชาวฮังการีของเขา ต่างก็อยากเห็นเขาลงเล่นให้กับทีมชาติฮังการี ซึ่งในที่สุดเขาก็เลือกเดินตามความตั้งใจของครอบครัวนั้น, เขามีน้องชายชื่อ มาร์โก เคอร์เคซ (Marko Kerkez) ที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน

          โดย เคอร์เคซเกิดที่เมือง เวอร์บาส (Vrbas) ประเทศเซอร์เบีย เขาพูดได้ถึง สี่ภาษา ได้แก่ เซอร์เบีย, ฮังการี, อังกฤษ และเยอรมัน


เส้นทางนักฟุตบอลเยาวชน :

- มิลอส เคอร์เคซ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับสโมสร ราปิด เวียนนา (Rapid Wien) แห่งออสเตรีย ในปี 2014 และพัฒนาฝีเท้าอยู่ที่นั่นจนถึงปี 2019


สโมสร เยอร์ (Győr) :

- ปี 2020 เคอร์เคซย้ายมาร่วมทีม เยอร์ (Győr) สโมสรในศึกดิวิชั่นสองของฮังการี ในช่วงเวลานี้เอง เขาเริ่มรู้สึกถึงความผูกพันกับฟุตบอลฮังการี และตัดสินใจเลือกเล่นให้กับทีมชาติฮังการี โดยให้เหตุผลไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ scoutedftbl.com ว่า : “ผมได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุนอย่างมากจากทั้งโค้ชและเพื่อนร่วมทีมที่เpอร์ มันทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่คือบ้านของผมจริงๆ”


เอซี มิลาน (AC Milan) :

- วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2021 เคอร์เคซได้ย้ายเข้าสู่สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี เอซี มิลาน ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ก่อนตลาดนักเตะปิดเพียงไม่กี่วัน เขาได้รับโทรศัพท์โดยตรงจากตำนาน “เปาโล มัลดินี” ซึ่งเป็นผู้อำนวยการเทคนิคของมิลานในขณะนั้น เพื่อชักชวนให้เขาย้ายมาร่วมทีม เคอร์เคซเล่าว่า “คุณปฏิเสธไม่ได้หรอก...เมื่อมัลดินีโทรมาหาคุณเอง” หลังจากนั้น เขาตัดสินใจอำลาเยอร์และมุ่งหน้าสู่อิตาลี เขาลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของมิลานครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับ โปร เซสโต้ (Pro Sesto) เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2021

          อย่างไรก็ตาม โอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่มีจำกัด ทำให้เคอร์เคซตัดสินใจแยกทางกับมิลานในปี 2022 เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ


อาแซด อัล์กมาร์ (AZ Alkmaar) :

- เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2022 เคอร์เคซย้ายไปร่วมทีม อาแซด อัล์คมาร์ สโมสรดังแห่งศึกเอเรดิวิซี เนเธอร์แลนด์ เขาประเดิมสนามนัดแรกให้ อาแซด อัล์คมาร์ ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2022 พบกับ ฮีเรนวีน ที่สนามอาเบ้ เลนสตรา สตาดิโอน เกมนั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้ 2–3 โดยเคอร์เคซถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 77

          วันที่ 14 สิงหาคม 2022 เขาทำประตูแรกในลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในนัดที่ อาแซด อัล์คมาร์ บุกชนะ สปาร์ตา ร็อตเตอร์ดัม 3–2 โดยเคอร์เคซเป็นคนยิงประตูชัยในนาทีที่ 65 ของเกมฤดูกาล 2022–23

          ฟอร์มอันโดดเด่นของเขาทำให้ เบนฟิก้า แสดงความสนใจอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม แต่สุดท้ายดีลไม่เกิดขึ้น เนื่องจากสโมสรโปรตุเกสไม่พร้อมจ่ายค่าตัว 20 ล้านยูโร ตามที่ อาแซด อัล์คมาร์ ปักป้ายขายเอาไว้

 


บอร์นมัธ (AFC Bournemouth) ฤดูกาล 2023–24 :

- วันที่ 20 กรกฎาคม 2023 เคอร์เคซย้ายมาร่วมทีม เอเอฟซี บอร์นมัธ สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยค่าตัวที่ไม่เปิดเผย เขาสร้างความประทับใจให้กับผู้จัดการทีมตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องกับ เซาท์แฮมป์ตัน, อตาลันต้า และ ลอริยองต์ จนได้รับโอกาสขึ้นสู่ทีมตัวจริงในเวลาไม่นาน

          ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม 2023 เคอร์เคซได้ลงประเดิมสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรก พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 1–1 ที่สนามเหย้าไวทาลิตี้ สเตเดียม จากนั้นเขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ทำให้ต้องพลาดการลงเล่น 3 นัดถัดมา แม้ทางสโมสรจะยื่นอุทธรณ์ แต่ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ปฏิเสธคำร้อง



บอร์นมัธ (AFC Bournemouth) ฤดูกาล 2024–25 :

- มิลอส เคอร์เคซ เปิดฉากฤดูกาลใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมกับบอร์นมัธ เขาได้รับเลือกให้เป็น นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม ของสโมสร หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นตลอดช่วงต้นซีซัน

          ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2024 เขาทำผลงานสุดร้อนแรง ด้วยการจ่ายสองแอสซิสต์สำคัญ ลูกแรกให้กับ อ็องตวน เซเมนโย และลูกที่สองให้กับ เอวานิลซอนช่วยให้บอร์นมัธเฉือนเอาชนะแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2–1

          เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2024 เคอร์เคซก็ยิงประตูแรกให้กับสโมสรได้สำเร็จ ในเกมที่บอร์นมัธเปิดบ้านถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 4–2 และลูกยิงนั้นยังถูกแฟนบอลโหวตให้เป็น ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน ของทีมอีกด้วย

          จากนั้นในวันที่ 4 มกราคม 2025 เขายังจ่ายแอสซิสต์ให้ เดวิด บรูคส์ ยิงประตูชัยในเกมบุกชนะ เอฟเวอร์ตัน 1–0 และในวันที่ 18 มกราคม 2025 เคอร์เคซก็มาบวกประตูที่สองของฤดูกาล ด้วยการยิงปิดท้ายในนาทีที่ 96 ช่วยให้บอร์นมัธบุกชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 4–1 ถึงถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ก

          ฟอร์มที่สม่ำเสมอและทรงพลังทำให้เขาถูกเลือกอีกครั้งให้เป็น นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม ของบอร์นมัธ และในวันที่ 19 มิถุนายน 2025 มีการประกาศว่า เคอร์เคซคือหนึ่งในหกผู้เข้าชิงรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA Young Player of the Year) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหลักไมล์สำคัญในอาชีพค้าแข้งของเขา


ลิเวอร์พูล (Liverpool) :

- วันที่ 26 มิถุนายน 2025 มิลอส เคอร์เคซ ย้ายร่วมทีม ลิเวอร์พูล ด้วยสัญญา 5 ปี ค่าตัวเชื่อว่าอยู่ที่ประมาณ 40 ล้านปอนด์ เขาประเดิมสนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2025 ที่เวมบลีย์ สเตเดียม ซึ่งลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ให้กับ คริสตัล พาเลซ ในการดวลจุดโทษ

          ต่อมาในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 เคอร์เคซลงสนามเดบิวต์ที่ แอนฟิลด์ พบกับสโมสรเก่า บอร์นมัธ เกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะ 4–2 ของลิเวอร์พูล เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกเพื่อให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ลงเล่นในนาทีที่ 60 จากนั้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2025 เคอร์เคซยิงประตูแรกให้กับลิเวอร์พูลได้สำเร็จ ในเกมพรีเมียร์ลีกที่บุกไปพ่าย เบรนท์ฟอร์ด 2–3


ทีมชาติฮังการี (International career) :

- แม้จะเกิดที่ประเทศเซอร์เบีย แต่มิลอส เคอร์เคซเลือกลงเล่นให้กับทีมชาติ ฮังการี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณยายของเขา โดยเขาเริ่มติดทีมชาติระดับเยาวชนของฮังการีในปี 2021 โดยไต่ระดับจากชุด ยู-17 และ ยู-19 ก่อนจะถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในปีเดียวกัน

          ในวันที่ 24 มีนาคม 2022 เขาลงสนามนัดแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ ในเกมกระชับมิตรที่พบกับ เซอร์เบีย ชาติบ้านเกิดของเขาเอง ซึ่งนับเป็นจังหวะที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และความหมายส่วนตัวอย่างยิ่งสำหรับนักเตะดาวรุ่งรายนี้ เคอร์เคซค่อยๆ ยึดตำแหน่งแบ็กซ้ายตัวจริงของทีมชาติฮังการีได้อย่างมั่นคง ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดัน เติมเกมรุกได้จัดจ้าน และไม่หวั่นปะทะกับแนวรุกทีมชั้นนำของยุโรป ภายในเวลาไม่นาน เขาก็กลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมชุดลุยศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือก และได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลฮังการีว่าเป็น “พลังใหม่แห่งอนาคต” ของวงการฟุตบอลประเทศนี้

          เมื่อวันที่ 23 กันยายน ปี 2022 เคอร์เคซ ได้ลงสนามให้ทีมชาติฮังการีโดยออกสตาร์ตในตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายตลอดทั้งเกม ซึ่งฮังการีสามารถเอาชนะเยอรมนีได้ 1–0 ที่เมืองไลป์ซิก ต่อมาในวันที่ 16 พฤศจิกายน ปี 2023 เคอร์เคซ ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมรอบคัดเลือกยูโร 2024 กับบัลแกเรีย อย่างไรก็ตาม การโดนไล่ออกของเขาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการแข่งขันมากนัก เนื่องจากฮังการียังคงผ่านเข้ารอบสุดท้ายของยูโร 2024 ได้สำเร็จ ภายหลัง โดมินิก โซบอสไล กัปตันทีมชาติฮังการีได้ให้สัมภาษณ์ว่า เคอร์เคซ “ถูกเตือนเป็นสามภาษาแล้วว่าอย่าทำอะไรโง่ๆ ในเกมนั้น”

          ในวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 2024 เคอร์เคซ มีชื่ออยู่ในรายชื่อ 26 นักเตะของทีมชาติฮังการีชุดลุยศึกยูฟ่า ยูโร 2024 ในเกมเปิดสนามของฮังการีที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์ เขาลงเล่นไป 79 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก และทีมแพ้ไป 3–1 ที่เมืองโคโลญจน์ การลงเล่นครั้งนั้นทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามให้ทีมชาติฮังการีในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป นับตั้งแต่โซลตัน วาร์ก้า และ ฟีเรนซ์ เบเน ที่เคยทำไว้ในเกมชิงอันดับ 3 เมื่อปี 1964

          เขายังได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมที่พบกับเยอรมนีและสกอตแลนด์อีกด้วย โดยฮังการีจบอันดับที่ 3 ของกลุ่ม A


สไตล์การเล่น (Playing style) :


- มิลอส เคอร์เคซ ได้รับการยกย่องว่าเป็นแบ็กซ้ายสมัยใหม่ที่ครบเครื่อง — ผสมผสานระหว่างพละกำลัง, ความเร็ว และความมั่นใจในการพาบอลขึ้นเกม เขามีจุดเด่นด้าน การเลี้ยงบอลทะลุแนวรับและการเติมเกมรุกจากแนวลึก คล้ายสไตล์ของแบ็กยุโรปยุคใหม่ เช่น เตโอ แอร์กน็องเดซ หรืออัลฟอนโซ เดวี่ส์ ขณะเดียวกันก็มีวินัยเกมรับที่แน่นและดุดันไม่แพ้ใคร

          เคอร์เคซมักเล่นได้ทั้งตำแหน่ง แบ็กซ้าย วิงแบ็กซ้าย และกองกลางฝั่งซ้าย ด้วยเทคนิคการครองบอลที่ยอดเยี่ยมและการตัดสินใจที่เฉียบคม เขายังเป็นนักเตะที่ชอบวิ่งไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่แดนบน และมักสร้างโอกาสจากการเปิดบอลริมเส้นที่แม่นยำ สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นไม่แพ้ใคร คือ ทัศนคติและความมุ่งมั่นในการพัฒนา เคอร์เคซมักถูกโค้ชและเพื่อนร่วมทีมชื่นชมว่าเป็นนักเตะที่มีวินัยสูง ทำงานหนัก และมีความทะเยอทะยานที่จะเติบโตเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในยุโรป

ADS