ประวัติ มาร์คัส แรชฟอร์ด ผู้ปักธงชัยเหนือเปแอสเช ได้ถึง 2 ครั้ง

           เพิ่งผ่านกันไปสำหรับฟุตบอลถ้วยหูใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งคู่ที่น่าสนใจก็คงหนีไม่พ้นจากเจอกันระหว่างสองยักษ์ใหญ่อย่าง แมนฯยู และ เปแอสเช ก่อนที่ผลการแข่งขันจะเป็น "ปีศาจแดง" บุกมาคว้าชัยประเดิมสามแต้มแรกในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ แต่ประเด็นที่น่าจับตามองก็คือคนยิงประตูชัยได้ก็คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกเมืองผู้ดี หลังก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยทำได้เมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว

 

 

 

 

ชื่อเต็ม : มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford)

วันเดือนปีเกิด : 31 ตุลาคม 1997 (อายุ 22 ปี)

สถานที่เกิด : เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

ตำแหน่ง : กองหน้า

 

          แรชฟอร์ดเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับเฟลตเชอร์ มอสส์ เรนเจอส์ ด้วยวัยเพียง 5 ปี ก่อนที่จะเข้าร่วมกับสโมสรเยาวชนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในวัย 7 ปี โดย แรชฟอร์ด เองเป็นหลานชายของ หลุยส์ เมยน์นาร์ด ซึ่งเคยเล่นให้กับสต็อคพอร์ท เค้าน์ตี้ ทีมนอกลีกนั่นเอง

          หลังจากโชว์ฟอร์มในทีมชุดเล็กได้เป็นอย่างดีในที่สุดโอกาสเฉิดฉายของเจ้าตัวก็มาถึงเพราะได้ประเดิมสนามในนามทีมชุดใหญ่ให้กับทีมในเกมที่เอาชนะ มิดทิลแลนด์ ด้วยผล 5–1 ในศึกยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2016 และถัดจากนั้นเพียงแค่ 3 วัน แรชฟอร์ด ก็สร้างชื่อให้ตัวเองอีกครั้งด้วยการทำ 2 ประตูช่วยให้ "ปีศาจแดง" เปิดรังโอลด์แทรฟฟอร์ด ชนะ อาร์เซน่อล ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ซึ่งถือว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงจากหลังมือเป็นหน้ามือภายในไม่กี่วันเอง

          หลังจากแจ้งเกิดเป็นที่เรียบร้อย แรชฟอร์ด ก็เจอความเปลี่ยนแปลงของทีมอีกครั้งเพราะ โฆเซ่ มูรินโญ่ เข้ามากุมบังเหียนแทน หลุยส์ ฟาน กัล ที่โดนไล่ตะเพิดออกไปแถมการเข้ามาของ มูรินโญ่ คราวนี้ยังพ่วงดึงลูกศึกษ์สุดที่รักอย่าง ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช เข้ามาทำให้โอกาสของ แรชฟอร์ด ลงสนามน้อยลงตามไปด้วยและทำให้บทบาทภายในทีมของเขาต้องตกไปเป็นปีกโดยปริยาย โดยจนซีซั่น 2016/2017 ก็มีส่วนร่วมพาทีมคว้าแชมป์อีเอฟแอล คัพ ได้สำเร็จและนับว่าเป็นการคว้าโทรฟี่แรกในชีวิตของเจ้าตัวอีกด้วย

          ในฤดูกาล 2018/19 แรชฟอร์ด เปลี่ยนไปสวมเสื้อหมายเลข 10 ให้กับทีม ภายหลังการย้ายออกไปของ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ซึ่งเดิมทีแล้วแรชฟอร์ด ใส่เสื้อหมายเลข 19 มาก่อนนั่นเอง ในซีซั่นนี้เป็นอีกปีนี้ที่ แรชฟอร์ด ฉายแววศูนย์หน้าออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะยามใดที่ได้โอกาสก็มักจะยิงประตูได้อยู่เสมอ จนภายหลังการเข้ามาของ โอเล่ กุนนา โซลชาร์ เทรนเนอร์คนใหม่ในช่วงท้ายซีซั่น แรชฟอร์ด ได้ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงแบบเต็มตัวและโชว์ผลงานได้ดีต่อเนื่องจนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์ จากการโหวตของแฟนบอลเป็นผลสำเร็จ

          หลังจากนั้นไม่กี่วัน แรชฟอร์ด ลงเตะครบ 100 นัดให้กับสโมสรด้วยวัยเพียง 18 ปีเศษและกลายเป็นนักเตะคนที่สองต่อจาก ไรอัน กิกซ์ ที่เคยทำไว้และอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงก็คือการยิงจุดโทษคว้าชัยเหนือ เปแอสเช ยอดทีมจากฝรั่งเศสด้วยสกอร์รวม 3-3 พร้อมผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ก่อนจะไปแพ้ให้กับ บาร์เซโลน่า 0-4 ตกรอบไปได้ในที่สุด

          1 มิถุนายน 2019 แรชฟอร์ด ตัดสินใจต่อสัญญายาวกับทีมออกไปอีก 4 ปีพร้อมอ๊อปชั่นขยายสัญญาเพิ่ม ส่วนผลงานของซีซั่นนี้ไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างนักท่ามกลางข่าวที่ว่า โอเล่ กุนนา โซลชาร์ บอสใหญ่อาจจะโดนไล่ตะเพิดออกเซ่นผลงานห่วย แต่ท้ายที่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะมาได้รับบาดเจ็บหนักทำให้ต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือนเลยทีเดียว

          ก่อนจะกลับมาช่วยทีมได้ในท้ายซีซั่นพร้อมกับพาทีมจบอันดับ 3 ของลีกคว้าตั๋วไปเตะ UCL ได้เป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ท้ายที่ แรชฟอร์ด ยังได้รับรางวัล PFA Merit Award ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับบุคคลที่ทำประโยชน์กับวงการฟุตบอลจากความสำเร็จในการรณรงค์ไม่ให้รัฐบาลยกเลิกอาหารกลางวันฟรีแก้เด็กยากไร้

          ฤดูกาลใหม่ของ แรชฟอร์ด ได้เริ่มต้นอีกครั้งและดูเหมือนว่าจะไปได้สวยอีกด้วยเพราะล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งยิงประตูชัยสุดคมกริบเหนือ เปแอสเช ได้อีกครั้งในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา