ประวัติ กอร์ดอน ปีกจอมลุยอนาคตใหม่ของทัพสาลิกาและอังกฤษ

 

ชื่อเต็ม : แอนโทนี่ ไมเคิ่ล กอร์ดอน (Anthony Michael Gordon)
วัน/เดือน/ปีเกิด : 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001
ส่วนสูง : 1.83 ซม.
ตำแหน่ง : ปีก
สโมสรปัจจุบัน : นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

            แอนโทนี่ กอร์ดอน เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งปีกเป็นหลักให้กับสโมสร นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมดังในศึกพรีเมียร์ลีก และติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย

            กอร์ดอนเริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งระดับอาชีพกับสโมสร เอฟเวอร์ตัน โดยได้ประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2017 ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ก่อนจะย้ายมาร่วมทัพนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดในปี 2023

ชีวิตช่วงต้น :

            แอนโทนี่ กอร์ดอน เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 ที่เมืองลิเวอร์พูล มณฑลเมอร์ซีย์ไซด์ ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรของ นาดีน และ คีธ กอร์ดอน โดยเขามีเชื้อสายทั้งชาวไอริชและชาวสกอตแลนด์

            ส่วนชีวิตนอกสนาม แอนโทนี กอร์ดอน คือชายหนุ่มผู้ยึดมั่นในครอบครัวและแรงสนับสนุนจากคนใกล้ตัว เขาคบหาดูใจกับ แอนนี คีติ้ง และในปี 2023 ชีวิตของเขาก็พลิกบทบาทครั้งสำคัญ เมื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นคุณพ่ออย่างเต็มตัว อีกหนึ่งแรงผลักดันที่เติมไฟให้เขาโลดแล่นบนผืนหญ้าอย่างไม่หยุดยั้ง

            กอร์ดอนไม่ได้พัฒนาตัวเองแค่ในสนามแข่งขันเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความคิดและทัศนคติ เขาเคยเปิดใจถึงบทบาทของ “หนังสือ” ที่มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในอาชีพค้าแข้ง โดยเฉพาะหนังสือ The Art of Winning ผลงานของ แดน คาร์เตอร์ ตำนานรักบี้ทีมชาตินิวซีแลนด์ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดที่ช่วยหล่อหลอมความคิดแห่งชัยชนะและความเป็นมืออาชีพของเขา

เส้นทางอาชีพ

เอฟเวอร์ตัน :

            เส้นทางลูกหนังของ แอนโทนี กอร์ดอน กับเอฟเวอร์ตันเริ่มต้นตั้งแต่อายุเพียง 11 ปีเท่านั้น หลังถูกปล่อยตัวจากลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่หล่อหลอมความมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มจากเมอร์ซีย์ไซด์ให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

            วันที่ 6 ธันวาคม 2017 กอร์ดอนถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ของเอฟเวอร์ตันเป็นครั้งแรก สำหรับศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นัดเยือน อพอลลอน ลิมาสซอล และเพียงหนึ่งวันให้หลัง เขาก็ได้สัมผัสเวทีระดับยุโรปทันที เมื่อถูกส่งลงสนามในช่วงท้ายเกม นาทีที่ 88 ก่อนช่วยทีมบุกคว้าชัยชนะ 3-0 นับเป็นการเปิดตัวในทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ

            วันที่ 18 มกราคม 2020 กอร์ดอนประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีก โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทน แบร์นาร์ด ในเกมเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 ก่อนจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในลีกสูงสุดครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ที่เสมอกับลิเวอร์พูลแบบไร้สกอร์ และในวันที่ 1 กันยายน เขาได้รับความไว้วางใจจากสโมสรด้วยสัญญาฉบับใหม่ระยะยาวถึง 5 ปีเลยทีเดียว

            เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กอร์ดอนถูกปล่อยยืมตัวไปค้าแข้งกับ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในศึกแชมเปี้ยนชิพ ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2020–21 และได้ลงสนามทันทีในฐานะตัวจริง แม้จะประเดิมด้วยความพ่ายแพ้ แต่ช่วงเวลานั้นคือบทเรียนล้ำค่าที่หล่อหลอมเขาให้พร้อมสำหรับเวทีใหญ่ในอนาคตอันใกล้

            ฤดูกาล 2021–22 คือปีที่ชื่อของกอร์ดอนเริ่มถูกพูดถึงอย่างจริงจัง วันที่ 16 ธันวาคม เขาทำแอสซิสต์แรกในพรีเมียร์ลีกจากลูกฟรีคิกให้ จาร์ราด แบรนธ์เวต ยิงประตูใส่เชลซี ก่อนจะซัดประตูแรกของตัวเองให้เอฟเวอร์ตันได้ในเกมสุดมันที่พ่ายไบรท์ตัน 2-3 ต้นปี 2022 ฟอร์มของเขายิ่งพุ่งทะยาน เกมถล่มลีดส์ ยูไนเต็ด 3-0 กอร์ดอนทั้งจ่ายและยิงอย่างครบเครื่อง และในวันที่ 9 เมษายน เขากลายเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยพาทีมโค่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างสะใจ

            ผลงานอันโดดเด่นทำให้เขาคว้ารางวัล นักเตะดาวรุ่งแห่งปีของสโมสร จากทั้งทีมงานและแฟนบอลในเดือนพฤษภาคม พร้อมตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับเชลซีในช่วงซัมเมอร์ เป็นสัญญาณชัดเจนว่าเด็กปั้นจากกูดิสัน พาร์ก รายนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแข้งแถวหน้าของทีมอย่างเต็มตัว

            ฤดูกาลถัดมา กอร์ดอนเริ่มต้นได้อย่างร้อนแรง ยิงประตูในสองเกมติดต่อกันกับเบรนท์ฟอร์ดและลีดส์ ยูไนเต็ด แม้จะมีช่วงสะดุดจากโทษแบนและเหตุปะทะเดือดกับ คีแรน ทริปเปียร์ และ ฟาเบียน แชร์ ในเกมพบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ภาพเหตุการณ์ที่ภายหลังถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง เมื่อสุดท้ายแล้วโชคชะตาพาเขาไปสวมเสื้อทีมเดียวกันในอนาคต

            เกมถัดมา เขายังโชว์ความมุ่งมั่น ยิงประตูช่วยเอฟเวอร์ตันเอาชนะคริสตัล พาเลซ 3-0 ก่อนอาการป่วยจะทำให้เขาหายหน้าหายตาไปพักหนึ่ง และเกมกับเซาท์แฮมป์ตัน ซึ่งเขาถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 69 กลายเป็นการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในสีเสื้อ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน”

            หลังจบเกม กอร์ดอนตกเป็นเป้าการคุกคามจากแฟนบอลบางส่วน ขณะที่กระแสข่าวย้ายทีมทวีความรุนแรง จนในช่วงตลาดเดือนมกราคม มีรายงานว่าเขาไม่เข้าร่วมการฝึกซ้อมเพื่อผลักดันการย้ายไปนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ภายหลังเจ้าตัวออกมายอมรับความผิดหวังกับวิธีการประกาศอำลาของสโมสร พร้อมย้ำชัดว่า เขา “มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้เอฟเวอร์ตันรอดตกชั้น” ในฤดูกาลก่อนหน้า

            บทสุดท้ายของกอร์ดอนกับเอฟเวอร์ตันจึงจบลงท่ามกลางทั้งความทรงจำอันงดงาม ดราม่า และความรู้สึกที่ยังค้างคา ก่อนที่บทใหม่ในเส้นทางลูกหนังจะเริ่มต้นขึ้นที่เซนต์ เจมส์ พาร์ก ต่อไป

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด :

            วันที่ 29 มกราคม 2023 แอนโทนี กอร์ดอน เปิดฉากบทใหม่ในอาชีพค้าแข้ง เมื่อย้ายมาร่วมทัพ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ด้วยสัญญาระยะยาว หลังยื่นคำร้องขอย้ายทีมอย่างเป็นทางการจากเอฟเวอร์ตัน โดยค่าตัวตามรายงานของ BBC Sport อยู่ที่ราว 40 ล้านปอนด์ และอาจพุ่งสูงถึง 45 ล้านปอนด์ หากรวมโบนัสตามเงื่อนไข

            กอร์ดอนประเดิมสนามให้ “สาลิกาดง” เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ลงมาเป็นตัวสำรองนาทีที่ 69 ในเกมเสมอเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 ที่เซนต์ เจมส์ พาร์ก ก่อนจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงครั้งแรกในวันที่ 4 มีนาคม เกมบุกพ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 แม้จะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 62 และต้องพักจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าจนทำให้ต้องพลาดช่วยทีมในสองนัดถัดมา

            หลังหายเจ็บกลับมาช่วยทีมในเกมชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 บทบาทของเขายังจำกัดอยู่ในฐานะตัวสำรองเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งเกมพบเบรนท์ฟอร์ด วันที่ 8 เมษายน ที่เขาถูกส่งลงสนามช่วงพักครึ่ง แต่กลับต้องเผชิญช่วงเวลาน่าอึดอัด เมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกอีกครั้ง กอร์ดอนแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่อ เอ็ดดี้ ฮาว อย่างชัดเจน ก่อนที่กุนซือจะออกมาชี้แจงภายหลังว่าเป็นการป้องกันไว้ก่อนเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า

            การกลับไปเยือนกูดิสัน พาร์ก ในวันที่ 27 เมษายน ถูกคาดหมายว่าจะเต็มไปด้วยแรงกดดันและเสียงโห่ต้อนรับ ทว่าบทบาทของกอร์ดอนในเกมนั้นกลับไม่มากนัก เมื่อเกมขาดไปแล้วจากสกอร์นำ 4-1 ของนิวคาสเซิล และในวันที่ 28 พฤษภาคม เขาปลดล็อกประตูแรกในสีเสื้อขาว-ดำได้สำเร็จ ด้วยการยิงตีเสมอเชลซี 1-1 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2022–23

            ต่อมาในฤดูกาล 2023–24 กอร์ดอนระเบิดฟอร์มอย่างแท้จริง นัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก วันที่ 12 สิงหาคม เขาแอสซิสต์ให้ ซานโดร โตนาลี ยิงประตูแรก ในเกมถล่มแอสตัน วิลลา 5-1 ก่อนจะซัดประตูในบ้านครั้งแรกให้สโมสรได้ในวันที่ 27 สิงหาคม แม้จะเป็นเกมพ่ายลิเวอร์พูล 1-2 ต่อสโมสรเก่าที่เขาเติบโตมาก็ตาม

            ด้วยฟอร์มอันสม่ำเสมอและดุดันตลอดทั้งฤดูกาล ทำให้กอร์ดอนผงาดคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปครองอย่างสง่างาม และแม้จะติดโทษแบนจนพลาดลงสนามในนัดชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ แต่เขาคือหนึ่งในฮีโร่ของเส้นทางสู่ความสำเร็จ เมื่อยิงประตูได้ทั้งสองนัดในรอบรองชนะเลิศ ที่เอาชนะอาร์เซน่อลไปได้ ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี

            อย่างไรก็ตาม เส้นทางกับนิวคาสเซิลก็ยังเต็มไปด้วยดราม่า วันที่ 25 สิงหาคม กอร์ดอนกลายเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกรายที่สองนับตั้งแต่ เมสัน โฮลเกต ที่ถูกไล่ออกในสามฤดูกาลติดต่อกัน หลังเข้าปะทะอันตรายใส่ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ซึ่งผู้ตัดสินเปลี่ยนจากใบเหลืองเป็นใบแดงหลังเช็ก VAR และการขาดหายไปของเขาส่งผลทันที เมื่อทีมพ่ายลิเวอร์พูลแบบเจ็บปวด 2-3 ในช่วงท้ายเกม

            กระนั้น บนเวทียุโรป กอร์ดอนยังคงสร้างชื่ออย่างต่อเนื่อง วันที่ 21 ตุลาคม 2025 เขาทำประตูในเกมที่นิวคาสเซิลเปิดบ้านถล่มเบนฟิกา 3-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก พร้อมจารึกสถิติเป็น นักเตะนิวคาสเซิลคนแรกที่ยิงประตูได้ในแชมเปี้ยนส์ลีก 3 นัดติดต่อกัน ตอกย้ำสถานะหนึ่งในคีย์แมนของทีมยุคใหม่อย่างแท้จริง

 

ทีมชาติอังกฤษ :

            แอนโทนี กอร์ดอน ค่อย ๆ ไต่ระดับบนเส้นทางทีมชาติอย่างมั่นคง ตั้งแต่ชุดเยาวชน ยู18 และ ยู19 ก่อนจะก้าวสู่ทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี โดยลงประเดิมสนามเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2020 ในเกมอุ่นเครื่องที่เอาชนะเวลส์ 2-0 ณ ศูนย์ฝึกเซนต์ จอร์จส์ พาร์ก—อีกก้าวสำคัญของแข้งดาวรุ่งจากเมอร์ซีย์ไซด์บนเวทีระดับชาติ

            วันที่ 5 พฤศจิกายน 2021 กอร์ดอนได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีเป็นครั้งแรก และเขาไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย ด้วยการระเบิดฟอร์มซัดสองประตูในเกมประเดิมสนาม พาทีมเอาชนะสาธารณรัฐเช็ก 3-1 ในศึกคัดเลือกยูโร ยู21 ปี 2023 ที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้ชื่อของเขาถูกจับตามองทันที

            ช่วงซัมเมอร์ปี 2023 กอร์ดอนถูกบรรจุชื่อในขุมกำลังทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยศึก ยูฟ่า ยูโร รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และเขาก็กลายเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของทัวร์นาเมนต์ ยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่มเกมเอาชนะอิสราเอล ก่อนจะสวมบทฮีโร่ซัดประตูโทนพาทีมคว้าชัยเหนือโปรตุเกสในรอบก่อนรองชนะเลิศ และในวันที่ 8 กรกฎาคม 2023 กอร์ดอนออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศ ก่อนที่อังกฤษจะเอาชนะสเปน คว้าแชมป์ยุโรปมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

            จากผลงานอันโดดเด่นตลอดทัวร์นาเมนต์ เขาได้รับเลือกให้เป็น นักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน (Player of the Tournament) พร้อมติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ตอกย้ำสถานะหนึ่งในดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษในยุคนั้น

            ฟอร์มระดับทวีปเปิดประตูสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในที่สุด เดือนมีนาคม 2024 กอร์ดอนได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก สำหรับเกมอุ่นเครื่องกับบราซิลและเบลเยียม และในวันที่ 23 มีนาคม เขาได้ประเดิมสนามครั้งแรกในเวมบลีย์ ด้วยการออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมที่อังกฤษพ่ายบราซิล 0-1 ก่อนจะมีชื่ออยู่ในขุมกำลัง 26 คน ลุยศึก ยูฟ่า ยูโร 2024

            และค่ำคืนที่รอคอยก็มาถึง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2024 แอนโทนี กอร์ดอน ปลดล็อกประตูแรกในนามทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ได้สำเร็จ ด้วยการซัดประตูในเกมยูฟ่า เนชันส์ ลีก ที่อังกฤษไล่ถล่มสาธารณรัฐไอร์แลนด์ 5-0 ไม่ใช่ประตูที่เป็นสถิติส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณชัดเจนว่า เขาพร้อมก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของ “สิงโตคำราม” ในยุคต่อไปแล้ว

สไตล์การเล่น :

            แอนโทนี กอร์ดอน คือปีกสายบู๊ยุคใหม่ที่ผสมผสานความเร็วจัดจ้านเข้ากับพลังงานอันไม่รู้หมด เขาเล่นด้วยความดุดัน กล้าได้กล้าเสีย และโจมตีแนวรับคู่แข่งแบบทะลุทะลวง จุดเด่นที่สุดคือสปีดอันจัดจ้านและความขยันในการไล่เพรสซิ่ง ซึ่งทำให้เขากลายเป็นฝันร้ายของฟูลแบ็กฝั่งตรงข้ามตลอด 90 นาที

            กอร์ดอนถนัดการพาบอลขึ้นหน้าและดวลตัวต่อตัว เขามีความมั่นใจในการเลี้ยงกินตัว กล้าท้าชนแนวรับแบบหนึ่งต่อหนึ่ง พร้อมสร้างโอกาสทั้งด้วยการเปิดบอล การจ่ายคีย์พาส และการสอดเข้าไปจบสกอร์ด้วยตัวเอง โดยมักสร้างอันตรายจากฝั่งซ้ายเป็นหลัก แต่ก็สามารถสลับบทบาทและปรับตัวตามแท็กติกของทีมได้อย่างยืดหยุ่น

            นอกจากเกมรุกที่เร้าใจแล้ว สิ่งที่ทำให้กอร์ดอนแตกต่างคือ อัตราการทำงานในการเล่นเกมรับ เขาไม่ใช่แค่ปีกที่รอบอล แต่พร้อมวิ่งไล่ บีบพื้นที่ และช่วยทีมตั้งแต่แดนบน ความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งในการเข้าปะทะยังทำให้เขามักเรียกฟาวล์จากคู่แข่งได้บ่อยครั้ง สร้างความได้เปรียบให้ทีมทั้งในจังหวะหยุดเกมและการขึ้นเกมรุกต่อเนื่อง

            ด้วยความเร็ว พลัง และทัศนคติแบบนักสู้ แอนโทนี กอร์ดอน จึงเป็นปีกที่ตอบโจทย์ฟุตบอลสมัยใหม่อย่างแท้จริง นักเตะที่สามารถเปลี่ยนจังหวะของเกม และจุดประกายความอันตรายได้ทุกครั้งที่บอลมาอยู่ที่เท้า