ประวัติ แว็งซ็อง ก็องปานี

| 01/01/1970 07:00 น. | 816 Views

เปเยเซ็งก็องปานีเจ็บซ้ำซาก 


 

     มานูเอล เปเยกรินี่ เทรนเนอร์สมองเพชร "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมมหาเศรษฐีของเกาะอังกฤษ ออกมายอมรับ ตอนนี้ตนเริ่มวิตกกังวลกับอาการบาดเจ็บของ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ปราการหลังกัปตันทีม ที่ระยะหลังสภาพร่างกายไม่สู้ดี โดยล่าสุดกัปตันทีมร่างยักษ์ ต้องพักรักษาตัวถึงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นอย่างน้อย 
         
     ก็องปานี ซึ่งซีซั่นนี้มีปัญหาบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้ง ส่งผลให้ให้เจ้าตัวได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีก ไปเพียง 4 เกม และล่าสุดก็ยังคงได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา เป็นเหตุให้เจ้าตัวต้องพักมาตั้งแต่เกมลีก ที่เปิดบ้านพบกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นอกจากนี้ทาง เปเยกรินี่ ออกมาเปิดเผยอีกว่า ปราการหลังทีมชาติเบลเยียมยังต้องพักรักษาตัวไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ จนทำให้กุนซือชาวชิลีเริ่มวิตกกับอาการบาดเจ็บของกองหลังวัย 27 ปี

     โดยทางด้าน "ดิ เอ็นจิเนียร์" ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า "แน่นอนว่าเรากำลังกังวลกับอาการบาดเจ็บของเขา แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อดูว่าเราจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาในส่วนใดได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เขายังพักไปอีกสองสัปดาห์เป็นอย่างน้อย ซึ่งเราหวังว่าเขาจะยังคงกลับมาเล่นได้ดีเหมือนเดิม และหวังว่าเขาจะไม่เจอาการบาดเจ็บเพิ่มเติมเข้ามาอีก" 

 

แว็งซ็องต์ ก็องปานี 

ก็องปานี นักเตะดาวรุ่งชาวเบลเยี่ยม ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในวงการลูกหนัง ยุโรป เมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ อูซเคิล, เบลเยี่ยม เคยค้าแข้งอยู่กับสโมสร ฮัมบูร์ก ทีมดังในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ก่อนย้ายทีมมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลาต่อมา โดยเล่นในตำแหน่ง กองหลังตัวกลาง

เริ่มต้นอาชีพค้าแข้่ง

2003-2006 : อันเดอร์เลชท์

ก็องปานี เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ อันเดอร์เลชท์ ในบ้านเกิดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และก็เล่นอยู่ที่นั่นจนกระทั่งอายุ 17 ปี จึงได้รับโอกาสเลื่อนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

ต้องนับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวกับนักเตะตำแหน่งกองหลังที่มีโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 17 ปี เพราะการเล่นหลังนั้น อย่างน้อยที่สุดคงต้องมีประสบการณ์ เพราะไม่อย่างนั้นคงโดนกองหน้าเก่งๆ หลอกล่อจนเสียผู้เสียคน แบบกองหลังดาวรุ่งหลายๆ ดวง

แต่ทว่าอายุ ไม่ได้เป็นปัญหาของ ก็องปานี แต่อย่างใด เพราะเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในระยะแรกๆ ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างถาวรก็ตามที แต่ท้ายที่สุดก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็น 11 คนแรกได้อย่างสมบูรณ์

ตลอดเวลาที่ ก็องปานี ค้าแข้งอยู่ในลีกสูงสุดเมืองบ้านเกิด เจ้าตัวสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองได้หนึ่งสมัย (ปี 2004) ก่อนจะต้องพบกับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2005-2006 และต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บในที่สุด

ก็องปานี ต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ถึงจะกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง และในที่สุดเหตุการณ์ที่แฟนๆ ของ อันเดอร์เลชท์ หวาดกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อต้นสังกัดที่อาศัยอยู่เริ่มเล็กเกินไปสำหรับนักเตะที่มีฝีเท้าระดับนี้

จริงๆ แล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เมื่อมีบิ๊กเนมหลากหลายทีมให้ความสนใจที่จะคว้าตัว ก็องปานี ไปร่วมทีม แต่ที่มีข่าวอย่างหนักในช่วงนั้นคือ “โอแอล” โอลิมปิก ลียง ทีมแชมป์จากลีก เอิง แต่ในที่สุดก็เป็น “สิงห์เหนือ” ฮัมบูร์ก ที่มาเหนือเมฆ ได้ตัวไปร่วมทีมชนิดเรียกได้ว่าหักปากกาเซียน

2006-2008 : ฮัมบูร์ก

ในวันที่ 9 มิถุนายน 2006 ก็องปานี ย้ายสู่ ฮัมบูร์ก ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร สมัยนั้น ซึ่งคิดเป็น 424 ล้านบาทในสมัยนี้ แต่เมื่อเขาลงสนามให้ทีมไปเพียง 6 นัด เท่านั้น เขาก็มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างรุนแรงในเดือนพฤศจิกายน จนทำให้ต้องพักยาวทั้งฤดูกาล อย่างไรก็ดี เขายังถูกเรียกเป็น 1 ใน 30 นักเตะทีมชาติเบลเยี่ยม ชุดทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2007 ยู-21

เข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของ ก็องปานี ในแผ่นดิน เยอรมัน แม้เขาจะยังไม่สามารถเรียกฟอร์มการเล่นได้อย่างโดดเด่นเหมือนสมัยก่อน แต่ยังถือได้ว่าทำผลงานได้ตามมาตรฐานที่เขามี โดยนับถึงปัจจุบันลงเล่นให้ “สิงห์เหนือ” ไปแล้วทั้งสิ้น 31 นัด ยิงได้ 1 ประตู ซึ่งนั่น ก็ดีพอที่จะเรียกเขาติดทีมชาติเบลเยียม ชุดลุยศึกโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง ในเดือนสิงหาคม

กองปานี 

2008-ปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

วันที่ 22 ตุลาคม 2008 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่กำลังปรับทัพเพื่อเบียดแย่งอันดับท๊อปไฟว์ ได้ซื้อตัวกองปานีมาร่วมทีม ในราคา 6 ล้านยูโรโดยได้หมายเลขเสื้อเบอร์ 33 ทำผมงานได้ดีจนได้รับเลือกจากมาร์ค ฮิวจส์ ผู้จัดการทีม ให้ลงเล่นเป็นตัวจริงอยู่บ่อยๆ
 

ก็องปานี ลงสนามให้ ซิตี้ เป็นเกมแรกคือแมตช์เจอกับเวสต์แฮม จากนั้นปราการหลังเบลเยียม ทำประตูแรกในให้ตัวเองในสีเสื้อ "เรือใบ" ในเกมยกพลชนะวีแกน 2-1 เมื่อวันที่ 28 กันยายน ต่อมา ก็องปานี เปลี่ยนตำแหน่งมาประจำการตรงแดนมิดฟิลด์ ในบทบาทกองกลางตัวคุมจังหวะเกมตลอด 90 นาทีมใเกมเนยือนอีวู๊ด ปาร์ค ที่เสมอกันไป 2-2 
 
ในปี 2009 ก็องปานี ตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก 5 ปี ส่งผลให้กองหลังแกร่งอยู่โยงกับทีมไปจนถึงปี 2014 จากนั้น ก็องปานี ยิงประตูที่ 2 ของตัวเองในลีกได้สำเร็จ ในแมตช์เปิดบ้านต้อนปอร์ทสมัธ 2-0 และบวกลูกที่ 3 ให้กับตัวเองในแมตช์บุกถล่มเบิร์นลี่ย์ 6-1ที่เทิร์ฟ มัวร์ 
 
แนวรับผิวสี เปลี่ยนาใส่หมายเลข 4 ในฤดูกาล 2010-11 หลังจาก เนดุม โอนูโอฮา เจ้าของเสื้อหมายเลขดังกล่าวย้ายไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์ แบบยืมตัว ซึ่งซีซั่นดังกล่าว ก็องปานี กลายเป็นหัวใจในแนวรับ โดยมี โคโล ตูเร่ เป็นคู่หู เวลาต่อมา ปราการหลังเจ้าของความสูง 191 ซม. ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมเป็นครั้งแรก แทนที่คาร์ลอส เตเบซ ซึ่งบาดเจ็บในเกมกับแบล็คเบิร์น 
 
ในฤดูกาล 2011-12 ก็องปานี ซึ่งโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในขวบปีที่ผ่านมาส่งผลให้เขาได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำสโมสร จากการโหวตของแฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" รวมถึงได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ก่อนจะพาต้นสังกัดเป็นแชมป์ลีกสูงสุด ด้วยการพาทีมเอาชนะควีนส์ปาร์ค 3-2 โดยทีมจากแมนเชสเตอร์ ยิงแซง "คิวพีอาร์" ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บวินาทีสุดท้าย จากนั้นก็องปานี ต่อสัญญายาว 6 ปี และนับเป็นนักเตะแมนฯ ซิตี้ คนแรกที่เซ็นสัญญาอยู่กับสโมสรยาวนานที่สุด อย่างไรก็ตาม ซีซั่นต่อๆมา จนถึงปัจจุบัน ดาวเตะเบลเจี้ยน มีปัญหาด้านสภาพร่างกาย จนไม่อาจเค้นฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้อีก 

ADS