ประวัติ ลูก้า โทนี่

| 01/01/1970 07:00 น. | 1121 Views

 

ลูก้า โทนี่

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ : ลูก้า โทนี่ วาร์เค็ตต้า
วันเกิด : 26 พฤษภามคม 1977
เกิดที่ : พาวุลโล่ เนล ฟริกนาโน, อิตาลี
ตำแหน่ง : กองหน้า
ส่วนสูง : 195 ซม.
สโมสรปัจจุบัน : บาเยิร์น มิวนิค
หมายเลขเสื้อ : 9

    ในขณะที่ชีวิตของซูเปอร์สตาร์ลูกหนังหลายคนเริ่มต้นด้วยการเป็นดาวจรัสแสงตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ แต่สำหรับลูก้า โทนี่ ประสบการณ์อันโชกโชนจากการเคี่ยวกรำตัวเองในฐานะนักเตะจอมพเนจรที่รับใช้มาแล้วกว่า 10 สโมสรในเส้นทางชีวิตลูกหนังคือสิ่งที่สร้างเขาให้เป็นอย่างทุกวันนี้

     ลูก้า โทนี่ วาร์เค็ตต้า กองหน้าร่างยักษ์ทีมชาติอิตาลีได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดของดินแดนรองเท้าบู้ทในรอบ 5 ปีหลังสุด โดยขึ้นมาทดแทนการโรยราของคริสเตียน "โบโบ้" วิเอรี่ ได้พอดิบพอดี และเป็นหนึ่งในขุนพลชุดแชมป์ฟุตบอลโลกของอิตาลีเมื่อปี 2006 ด้วย

     แต่กว่าที่จะขึ้นมายืนอยู่ ณ จุดสูงสุดเคียงบ่าเคียงไหล่ยอดนักเตะดาราดังคนอื่นๆได้ ชีวิตของโทนี่ ก็ต้องผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากมามากมาย

toni

    ลูก้า โทนี่ เป็นคนเมืองพาวูลโล่ เนล ฟริกนาโน เมืองเล็กๆที่อยู่ในโมเดน่า ซึ่งก็ได้กลายเป็นสโมสรที่ขัดเกลาตัวเขาขึ้นมาในฐานะนักฟุตบอลอสชีพเป็นสโมสรแรก

    โทนี่ลงเล่นให้กับโมเดน่า เป็นเวลา 2 ฤดูกาลด้วยกันโดยนับตั้งแต่เปิดตัวในฤดูกาล 1994-95 โทนี่ลงเล่นให้กับโมเดน่าไปทั้งสิ้น 32 นัดและยิงได้ 7 ประตูซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับกองหน้าดาวรุ่งที่ประสบการณ์น้อย

    แต่หลังจากนั้นช่วงชีวิตของเขาก็ต้องกลายเป็นจอมพเนจรที่ตระเวณค้าแข้งให้กับสโมสรที่อยู่ในระดับกัลโช่ เซเรีย อา และกัลโช่ เซเรีย บี มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเอ็มโปลี, ฟิออเรนซูโอล่า, โลดิจานี่ และเตรวิโซ่

     ช่วงเวลาเหล่านี้ โทนี่ แม้จะมีสถิติการทำประตูที่น่าสนใจโดยเฉพาะในสมัยที่อยู่กับโลดิจานี่ และเตรวิโซ่ ซึ่งยิงได้ฤดูกาลละ 15 ประตูเลยทีเดียว แต่ประสบการณ์ของเขาก็ยังอ่อนด้อยนักเนื่องจากยังไม่เคยได้มีประสบการณ์ในการเล่นระดับสูงสุดอย่างเซเรีย อา

     จนกระทั่งในฤดูกาล 2000-01 โทนี่ ก็ได้มีโอกาสลงเล่นในเซเรีย อา เป็นครั้งแรกกับสโมสรวิเชนซ่า และก็สามารถทำผลงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจด้วยการยิงไป 9 ประตู

     ผลงานดังกล่าวทำให้โทนี่ มีโอกาสได้ย้ายสโมสรอีกครั้งโดยคราวนี้เป็นเบรสชา ที่ขอซื้อตัวไปร่วมทีมและนี่เป็นการย้ายทีมที่สำคัญไม่เบาสำหรับกองหน้าที่เหมือนดอกไม้ดอกใหญ่ที่บานช้า

     โทนี่ ได้มีโอกาสลงจับคู่กับ "เทพบุตรเปียทองคำ" โรแบร์โต้ บาจโจ้ สุดยอดนักเตะแห่งวงการลูกหนังมะกะโรนี ที่แม้จะโรยราแต่ความคลาสสิคของโรบี้ก็ยังมีส่วนช่วยเบรสชาให้อยู่รอดในเซเรีย อาได้อย่างสบายๆ ซึ่งตลอด 2 ฤดูกาลที่โทนี่ ได้จับคู่กับบาจโจ้ ก็ช่วยขัดเกลาฝีเท้าได้อย่างมาก

     แต่การตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของโทนี่ ก็คือการยอมกลับไปยังเซเรีย บี อีกครั้ง ด้วยการตอบรับข้อเสนอของปาแลร์โม่ สโมสรที่ตกต่ำมากว่า 30 ปีและหวังจะกลับมายืนสู่จุดสูงสุดในเซเรีย อาในปี 2003-04

     และโทนี่ก็กลายเป็นผู้นำ "โรซาเนโร่" กลับคืนมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งได้สำเร็จ โดยทำประตูถล่มทลายถึง 30 ลูกในฤดูกาลเดียว ทำให้ได้รับการเรียกตัวติดทีมชาตอิตาลีเป็นครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับไอซ์แลนด์ ในเดือน ส.ค.2004 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในทีม "อัซซูรี่"

     ในฤดูกาลต่อมา 2004-05 โทนี่ ก็ยังคงรักษาฟอร์มการยิงประตูที่ร้อนแรงเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมโดยทำได้อีกถึง 20 ประตู  ด้วยความเป็นศูนย์หน้ารูปร่างใหญ่ยักษ์ แต่ก็มีทักษะการเล่นบอลบนพื้นที่ดีมากคล้ายกับคริสเตียน วิเอรี่ อดีตศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่ง และช่วงเวลานี้ก็ถือเป็น "นาทีทอง" ของเจ้าหนุ่มจากโมเดน่า

     โทนี่ ช่วยให้ปาแลร์โม่ได้ผ่านเข้าไปเลนยูฟ่า คัพได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูก "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนติน่า ซื้อตัวไปด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร และกลายเป็นการย้ายทีมที่สร้างความเกลียดชังระหว่างโทนี่และแฟนๆโรซาเนโร่ไปอย่างช่วยไม่ได้

toni

    อย่างไรก็ตาม โทนี่ก็ช่วยให้วิโอล่า ได้เข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ เมื่อพาทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 และยังสร้างผลงานระบือลั่นด้วยการยิงไปกว่า 30 ประตูในกัลโช่ เซเรีย อา ซึ่งกลายเป็นนักเตะคนแรกในรอบหลายสิบปีที่มีคนทำประตูได้เกินกว่า 30 ลูกในเซเรีย อา

     ผลงานดังกล่าวยังทำให้โทนี่ ได้รับรางวัลส่วนตัวชิ้นแรกก็คือรางวัลรองเท้าทองคำที่เป็นเครื่องหมายการันตีความเป็นสุดยอดดาวซัลโวของยุโรปในปีนั้นด้วย และมีส่วนในทีมอัซซูรี่ ชุดคว้าแชมป์โลกที่เยอรมัน โดยทำประตูได้ในเกมกับยูเครน ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะคว้าแชมป์ในบั้นปลาย

     หลังจากนั้นฟิออเรนติน่า ก็เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นเมื่อต้องโทษในคดีติดสินบนลูกหนังและต้องโดนลงโทษตัดแต้ม แต่โทนี่ก็ยังยืนกรานที่จะอยู่ช่วยสโมสรต่อไปตามเดิมอีกฤดูกาลนึง ซึ่งก็ช่วยทำประตูได้ถึง 16 ลูกแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บที่กระดูกเท้าแตกร้าวจนต้องพักยาวไปก็ตาม

     จากนั้นก็มีข่าวว่าโทนี่ พร้อมจะแยกทางกับวิโอล่า ซึ่งหลังจากที่มีข่าวลือสะพัดมานานในที่สุดโทนี่ ก็ได้ย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิคเข้าจนได้ด้วยค่าตัว 11 ล้านยูโร พร้อมกับได้สวมเสื้อหมายเลข 9

     โทนี่ ใช้เวลาไม่นานในการเป็นขวัญใจของสาวกเสือใต้ และเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2008 เขาก็ทำแฮตทริกแรกในบุนเดสลีก้าได้สำเร็จในเกมที่บุกไปชนะฮันโนเวอร์ 3-0 และเป็นการทำเพอร์เฟ็คต์ แฮตทริก ด้วยการยิงด้วยเท้าซ้าย, ขวา และโหม่ง)

     กองหน้าจอมเก๋า ทำประตูได้อย่างต่อเนื่องและจบฤดูกาล 2007-08 ด้วยการเป็นดาวซัลโวหลังกดไป 24 ประตู และยังเป็นดาวซัลโวร่วมในศึกยูฟ่า คัพ เมื่อทำได้ 10 ประตูเท่ากับ พาเวล โพเกร็บเนียค หัวหอกเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

      แม้ว่าจะอกหักตกรอบตัดเชือกในศึกยูฟ่า คัพ เมื่อพ่ายเซนิต แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า โทนี่ เป็นหนึ่งในคีย์แมนที่ทำให้ บาเยิร์น คว้าดับเบิลแชมป์ด้วยการทวงถาดแชมป์บุนเดสลีก้าคืนมาได้อีกครั้ง และยังได้แชมป์เดเอฟเบ โพคาล ด้วยการชนะดอร์ทมุนด์ ด้วย โดยเขาทำได้ 39 ประตูในการลงสนาม 46 นัดในฤดูกาลแรกกับทีมเสือใต้

       ในยูโร 2008 โทนี่ ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มลุ้นคว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของยูโรหนนี้ ทว่าในความเป็นจริงหัวหอกร่างโย่งจาก บาเยิร์น มิวนิค กลับทำผลงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยแม้แต่น้อย โดยตลอด 4 นัดที่ลงสนาม โทนี่ มีโอกาสบันทึกชื่อตัวเองขึ้นสกอร์บอร์ดมากมาย แต่กลับยิงทิ้งขว้างไปเองทั้งหมด ก่อนกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอัซซูรี่ด้วยน้ำมือของ สเปน ในสภาพเท้าบอด เสียราคาดาวซัลโวบุนเดสลีกาปีล่าสุดและอดีตดาวยิงรองเท้าทองคำของยุโรปอย่างแท้จริง

       โทนี่ ติดทีมชาติชุดลุยคอนเฟดเดเรชั่น 2009 กับเขาด้วย และโชว์ฟอร์มได้สากกระเบือเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาพลาดง่ายๆหลายจังหวะ ความคมหล่นหาย ส่งผลให้ยิงประตูรายการนี้ไม่ได้เลย แถมอิตาลีก็ยังโดนอเมริกาแซงเข้ารอบไปแทนอีกต่างหาก เป็นปีที่น่าเศร้าของโทนี่ ที่ทีมสโมสรก็ไม่ได้แชมป์บุนเดสลีกา และทีมชาติก็ตกรอบแรก

ADS